รีวิว Moon Knight season 1
รีวิว มูนไนท์ หรือ moon knight ซึ่ง Marvel ยังคงเดินหน้า และ ตั้งใจ สร้างซีรีส์ใน จักรวาลของMCU (Marvel Cinematic Universe) เพื่อลงฉายใน Disney+ อย่างต่อเนื่องไม่หยุดพัก และ ถ้าเอาตามความรู้สึก ของผู้ เขียนเอง ก็คือ Marvel เองเริ่มจะจับทาง ในการทำ ซีรีส์ ถูกมากขึ้น และ มีคุณภาพมากขึ้นเยอะ
ค่อนข้างชัดเจนเลยว่า Marvel ต้องการพยายามครีเอตวิธีและรูปแบบการนำเสนอให้มีความแปลกใหม่ มีความเฉพาะตัวเพื่อรักษาสมดุลของคนดู ระหว่างมือใหม่หัด Marvel กับแฟนเดนตายให้ไม่หนีจากกันมาก
ถ้าเอาตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ ซีรีส์ลำดับที่แล้วอย่าง ‘Hawkeye’ (2021) ก็มีความเป็นซีรีส์กลิ่นอายคริสต์มาสแบบเต็ม ๆและพอมาถึงซีรีส์อันดับที่ 6 อย่าง ‘Moon Knight’ หรือ ‘มูนไนต์’ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Marvel เลือกหยิบเอาคาแรกเตอร์ ซูเปอร์ฮีโร
ที่มีธีมของความเป็นอียิปต์โบราณและผสมผสานกับคาแรกเตอร์ที่มีปัญหาทางจิต มีอาการโรคหลายบุคลิก (Dissociative Identity Disorder-DID) และเรื่องราวต้นฉบับอันสลับซับซ้อนที่ว่าด้วยตัวละครที่มีบุคลิกซับซ้อน เสมือนว่ามีอีกคนมาอาศัยร่างอยู่มานำเสนอ
โดยในซีรีส์ได้ทีมผู้กำกับ 3 คนมาร่วมกันกำกับมินิซีรีส์ความยาว 6 ตอนนี้ทั้ง ‘จัสติน เบนสัน’ (Justin Benson) และ ‘อาร์รอน มัวร์เฮด’ (Aaron Moorhead) ผู้กำกับคู่หูจากภาพยนตร์ ‘Synchronic’ (2019) และ ‘โมฮัมเหม็ด ดิอับ’ (Mohamed Diab)
ผู้กำกับชาวอียิปต์แต๊ ๆ ที่เคยกำกับภาพยนตร์ ‘Clash’ (2016) มารับหน้าที่กำกับ Ep.1 ก่อนใครเพื่อน และยังมี ‘เจเรมี สเลเตอร์’ (Jeremy Slater) ผู้ผ่านงานเขียนบท ‘The Umbrella Academy’ (2019) และ ‘Fantastic Four’ (2015) มารับหน้าที่เขียนบท เว็บหนัง
รีวิว Moon Knight season 1
เนื้อเรื่องของอีพีแรกว่าด้วย ‘สตีเวน แกรนต์ / มาร์ก สเปกเตอร์ / มูน ไนต์’ (Oscar Isaac) พนักงานขายของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์อียิปต์ ผู้มีความรู้ด้านอียิปต์โบราณแบบแฟนพันธุ์แท้ สตีเวนประสบปัญหาประหลาด เมื่อเขาหลับ เขามักจะไปตื่นในสถานที่แปลก ๆ ที่ไม่คุ้นเคย แถมยิ่งนานเข้า เขาก็ยิ่งเข้าไปพบเจอกับสถานการณ์ที่ยิ่งแปลกยิ่งกว่า แถมตัวเขาดูเหมือนจะมีเสียงอะไรบางอย่างมาบงการเขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็น่าจะเป็น
‘คอนชู’ (พากษ์เสียงโดย F. Murray Abraham) เทพแห่งจันทราตามตำนานอียิปต์ นั่นก็เลยทำให้เขาเริ่มมีพฤติกรรมแปลกแยกจากคนอื่น ๆ แถมยังดูเป็นคนความจำสั้นไปเสียอย่างนั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาถึงเริ่มพบว่า ชีวิตของเขาเริ่มเหมือนมีใครอีกคนเข้ามาอาศัยร่างของเขาอยู่ อาการหลากบุคลิกเริ่มส่งผลร้ายต่อตัวเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งการทำอะไรแบบไม่ตั้งใจ การที่ ‘เลย์ลา’ (May Calamaw) โทรมาหาเขา (มาแต่เสียงใน Ep แรก)
แถมคอนชู และ ‘อาร์เธอร์ แฮร์โรว์’ (Ethan Hawke) เจ้าลัทธิผู้นับถือเทพเจ้าอัมมิต (Ammit) ผู้พิพากษาความถูกต้องตามความเชื่อแบบอียิปต์โบราณ และเมื่อทุกอย่างดันโผล่มาในโลกจริง เขาเองจึงได้ค้นพบว่า เขามี ‘มาร์ก สเปกเตอร์’ ทหารรับจ้างและอวตารเทพเจ้าอียิปต์ มาอาศัยร่างอยู่จริง ๆ จึงทำให้เขาต้องยอมให้มาร์กมาอาศัยร่างเพื่อให้รอดตาย เว็บดูหนัง
ความรู้สึกหลังดู
ในบทของสตีเวนก็มีความแตกต่างจากตัวเอกฮีโรเรื่องอื่น ๆ ไปอีก เพราะถ้าเอาตามคอมิก สตีเวนจริง ๆ แล้วเป็นถึงมหาเศรษฐี แต่ในซีรีส์มีการเปลี่ยนให้สตีเวนเป็นเพียงชายหนุ่มพนักงานร้านกิฟต์ชอป นิสัยติ๋ม ๆอ่อนโยนไร้พิษภัยเงอะงะสู้ชีวิตแต่โดนชีวิตสู้กลับอะไรแบบนั้น แทนที่จะมีความMasculineมีความเป็นชายแบบช้ายชายมาก ๆ เหมือนฮีโรคนอื่น ๆ ซึ่งอันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ ‘ออสการ์ไอแซก’เลยครับ ที่สามารถแบกเกือบทั้งอีพีได้อย่างเข้าถึง และระเบิดฟอร์มได้น่าประทับใจกันตั้งแต่อีพีแรกเลย เป็นทั้งคุณสตีหวีผู้อ่อนโยน และเป็นทหารรับจ้างผู้โหดเหี้ยม บ้าคลั่งได้ในเวลาเดียวกัน เว็บดูหนังฟรี
อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ‘อีธาน ฮอว์ก’ (Ethan Hawke) ผู้รับบท ‘อาร์เธอร์ แฮร์โรว์’(aka. อาจารย์แดงกีตาร์เจ้าเก่า) ที่ตามคอมิก เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้พิการครึ่งซีก แต่ในซีรีส์ เขากลายเป็นเจ้าลัทธิผู้มีเทพเจ้าอัมมิต และการมุ่งพิพากษาคนชั่วเป็นที่ยึดถือ (แอบคล้าย ๆ ธานอสนะเนี่ย) แม้ว่าเราจะยังไม่ได้เห็นเขาเฉิดฉายในอีพีแรกมากนัก แต่พลังการแสดงของเขาก็เรียกได้ว่า มีเสน่ห์ น่าเกรงขาม ชวนให้และสงสัยในบทบาทของเขาในอีพีต่อ ๆ ไปได้แบบว่า “กระตุกจิตกระชากใจ” เสียเหลือเกิน
และความโดดเด่นอีกอย่างคือวิธีการดำเนินเรื่อง และวิธีการตัดต่อครับด้วยความที่ตัวละครและเรื่องราวที่มีความซับซ้อนอยู่ระดับหนึ่ง มันก็เลยแอบทำให้ผู้เขียนมีความงง ๆ กับบางซีนนิดหน่อย แต่โดยรวมวิธีการเล่าถือว่าทำได้โอเคและไม่สับสนเลย ค่อย ๆ ไต่ระดับความเดือดจากน้อยไปมากได้แบบสุดมาก โดยเฉพาะการตัดต่อให้เห็นการที่สตีเวนถูกมาร์กสิงเข้าร่างแล้วทำอะไรห่าม ๆ แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ที่แม้จะชวนให้สับสนอยู่บ้างในทีแรก แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่โดดเด่น และทำให้การดำเนินเรื่องโดยรวมออกมาไหลลื่นมาก
อีกอย่างที่อยากให้ลองสังเกตกันก็คือการใช้เพลงประกอบครับ ที่ถือว่าโดดเด่นมากทั้งการใช้เพลงสากลได้แบบถูกจังหวะ ซึ่งจะว่าไปมันก็กลายเป็นรูปแบบเฉพาะของหนังและซีรีส์ Marvel ไปแล้วแหละ ทั้งการใส่เพลงสากลในซีนต่าง ๆเพื่อเล่าเรื่อง รวมทั้งการใส่เพลงป๊อปยุค 80’s อย่าง “Wake me up before you gogo” ของวง ‘Wham!’ ในฉากแอ็กชันไล่ล่าดุเดือด ที่ยียวนกวนเบื้องล่างเหลือเกิน รวมทั้งเพลงสกอร์ที่ประพันธ์โดย ‘เฮแชม นาซีห์’ (Hesham Nazih) Composer ชาวอียิปต์แท้ ๆ ที่สามารถผสานดนตรีคลาสสิกเข้ากับความเป็นอียิปต์ได้อย่างลงตัวและมีพลังมาก ๆ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ยิ่งมีกลิ่นอายที่โดดเด่นและเฉพาะตัวชัดเจนขึ้นไปอีก
โดยสรุปแบบสั้นๆครับนี่คือซีรีส์ฮีโร Marvel ที่ถือว่า น่าจะเฮี้ยน ที่สุดในบรรดาซีรีส์ ทั้งหมด แล้วล่ะครับนี่ แค่อีพี แรกนะเนี่ย(555)ทั้งการดำเนินเรื่องที่ค่อย ๆ ทวีความบ้าคลั่งได้อย่าง น่าตื่นเต้น จากซีรีส์แอ็กชัน ผจญภัย กลายเป็น ความสยองขวัญ ที่ค่อย ๆ เพิ่มความเฮี้ยน ได้อย่าง น่าตื่นเต้น ปริศนา ระหว่างทาง ที่วางไว้ได้ อย่างน่าค้นหา วิธี การเดินเรื่องและตัดต่อที่น่าสนใจและพลังของนักแสดงที่ชวนให้กระตุกจิตกระชากใจ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นซีรีส์ที่ผู้เขียนเองก็หงุดหงิดว่าเมื่อไหร่ตอนใหม่จะมาซะที!
มีทั้งหมด6ตอนจะปล่อยทางDisney+Hotstarทุกวันพุธ15.00น.
ติดตามหนังใหม่ได้ที่ เว็บหนังฟรี