รีวิว Fast & Furious 9

 

 

รีวิว ฟาส9 สวัสดี เอฟซีทุกโคนน และ ก็คนรักหนังทั้งหลาย วันนี้แอดจะมารีวิวหนัง ที่ใครหลายคนต้องรู้จักเป็นอันแน่นอน นั้นก็คือ Fast & Furious 9 นั้นเอง หรือเรียกสั้นๆว่า ฟาส9 นั้นแหละ หลังจากที่แอดดู ก็คงต้องบอกว่า …. ไปอ่านรีวิวกันดีกว่า 55555

 

รีวิว Fast & Furious 9 
เรื่องย่อ: ดอม โทเร็ตโต ปลีกตัวออกไปใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับเล็ตตี้และไบรอันลูกชายตัวน้อย แต่พวกเขาก็รู้ว่าแม้จะอยู่ในดินแดนสงบสุข ก็ยังมีอันตรายอยู่ คราวนี้ดอมต้องเผชิญหน้ากับบาปในอดีตของเขา ถ้าเขาต้องการจะปกป้องชีวิตของครอบครัวที่เขารักมากที่สุด ทีมนักซิ่งของเขากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อหยุดการทำลายล้างโลกโดยนักฆ่าและนักซิ่งฝีมือฉกาจซึ่งเขาคือ เจคอบ น้องชายของดอม เว็บหนัง
ในตัวอย่างหนังภาคนี้มีฉากหนึ่งที่แทบจะเป็นบทสรุปของหนังภาคนี้ได้เลยนั่นคือ ฉากที่ดอมและเล็ตตี้ขับรถหนีการไล่ล่าของทหารในป่า (ซึ่งถ่ายทำในจังหวัดกระบี่บ้านเรา) และเมื่อมาถึงสะพานแขวนข้ามเหวปรากฏว่าสะพานได้ขาดไปก่อนแล้วจากการหลบหนีอันทุลักทุเลของพวกโรมันและเท็จ และดอมได้ตัดสินใจขับชนคอสะพานที่เหลือและใช้ล้อเกี่ยวกับลวดสลิงที่เหลืออยู่หนึ่งเส้นเหวี่ยงตัวรถข้ามเหวหนีตายไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน แม้รถจะหมุนคว่ำพลิกไปหลายตลบก็ตาม
รีวิว Fast & Furious 9 
หนังภาคนี้ก็ไม่ต่างกัน มันคือความพยายามหนีข้ามการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอันน่าทุลักทุเล โดยใช้พลังความเป็นพระเอกแบบไร้เหตุผลและพลังซีจีอีกมหาศาลที่คงเหลือแค่เอามาทำตัวละครเล่นแทนคนแสดงจริง เราก็คงเรียกว่าหนังการ์ตูนพิกซาร์ได้เต็มปาก มาแถผ่านอุปสรรคไปแบบน่าจะตื่นเต้นแต่ก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นอีกแล้ว เพื่อเชื่อมไปภาคถัดไปอย่างเท่ ๆ ไร้รอยขีดข่วนหรือแม้แต่ทิ้งความรู้สึกผิดเป็นแผลใจให้ตัวละครนำสักนิดก็ยังไม่มี
การเปลี่ยนแปลงสำคัญในภาคนี้หนึ่งประการที่น่าจะสำคัญใกล้เคียงกับตอนที่หนังเปลี่ยนจากหนังแฟรนไชส์หนังรถแข่งข้างถนนแบบดิบ ๆ มาสู่ยุคหนังซูเปอร์ฮีโรในช่วงเปลี่ยนผ่านภาค 2 ที่ วิน ดีเซล (Vin Diesel) หายไปจากการเป็นตัวละครนำ ก่อนจะกลับมาร่วมกับผู้กำกับ จัสติน ลิน (Justin Lin) แบบชิมลางในภาค 3 และมาเต็มตัวในภาค 4 ที่เหมือนการรีบูตแฟรนไชส์นี้อย่างแท้จริงยาวมาถึงภาคปัจจุบัน
รีวิว Fast & Furious 9 
โดยหากสังเกตต้องบอกว่าหัวเรือใหญ่ทางความคิดที่ทำให้แฟรนไชส์นี้เป็นที่นิยมนอกจากดีเซลและลินแล้ว ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่านั่นคือวิสัยทัศน์ของ คริส มอร์แกน (Chris Morgan) มือเขียนบทที่ปั้นหนังมาตั้งแต่ภาค 3 จนถึงภาค 8 และอิ่มตัวทางความคิดสร้างสรรค์จนขอออกไปทำสปินออฟใน Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw (2019) ซึ่งก็เป็นตัวเทียบที่ดีกับหนังภาค 9 นี้เหมือนกัน เว็บดูหนัง

รีวิว Fast & Furious 9

ซึ่งส่วนตัวเริ่มรู้สึกว่าทีมงานควรหยุดไปหาอย่างอื่นทำเพื่อรอให้มีความคิดสร้างสรรค์ดี ๆ ค่อยกลับมาทำตั้งแต่ภาค 7 แล้ว พอฝืนทำต่อทุก 2 ปีมันก็ต้องไอเดียตันที่สำคัญมันไม่ใช่หนังที่ทำแบบ 3 ภาคก็จบด้วย แต่อย่างว่าหนังยังทำเงินก็ต้องออกมาโกยในช่วงสังขารทีมงานยังดีอยู่ ก็เข้าใจได้
ในขณะที่มอร์แกนกลับตัวทันและเลือกไปหามุมมองใหม่ ๆ และจับเอกลักษณ์ตัวละครที่ยังหน้าไม่ช้ำ (มาก) อย่าง ฮอบบ์ส และ ชอว์ มาทำหนังคู่หูที่โคตรคอนทราสต์แต่ก็ยังมีมุมโคตรฮาโคตรมัน และแม้จะมีกลิ่นความโม้แบบจัดเต็ม แต่มันก็ยังให้ความบันเทิงกับผู้ชมได้และยังยืนพื้นในความสมจริงตามเซ็ตติ้งใหม่ของหนังที่โม้มาแต่เริ่มอย่างตัวร้ายที่เป็นซูเปอร์โซลเยอร์ได้ลงตัว (แน่นอน วาเนสซา เคอร์บี (Vanessa Kirby) คือของแก้เลี่ยนกล้ามที่โคตรดี)
ลินเลือกจะเขียนบทต่อเองในภาค 9 โดยไปจับมือเขียนบทหน้าใหม่ที่ยังไม่มีผลงานพิสูจน์ตัวเองอย่าง ดาเนียล เคซี่ (Daniel Casey) และอัลเฟรโด โบเตลโล (Alfredo Botello) และผลคือหนังเต็มไปด้วยฉากโม้ที่ขาดอารมณ์ร่วม ใช้มุกเล่นย่ำเท้าอยู่กับอุปกรณ์เดิม ๆ อย่างแม่เหล็ก, จรวดแทบตลอดเรื่อง แล้วคั่นด้วยฉากซิตคอมของตัวละครโรมัน เท็จ และแรมซี่ แบบดูรู้ว่าจัดวางแบบโคตรจงใจ (และไม่ค่อยขำ)

ความรู้สึกส่วนตัว

และคงต้องขออภัยสำหรับแฟนดีเซลด้วย เพราะดูมาถึงภาคนี้คงพูดได้เต็มปากแล้วว่าแกแสดงแบบหน้าเดียวแทบทั้งเรื่อง (ไม่นิ่งแบบเหมือนเศร้าลึก ก็ตาเชื่อมเหมือนพร้อมมีเซ็กซ์กับทุกตัวละครหญิง-ชายในเรื่อง) พอยิ่งขาดตัวละครรองระดับแม่เหล็กที่แสดงได้น่าสนใจอย่าง ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) หรือ เจสัน สเตแธม (Jason Statham) มาประคองมันยิ่งชัดเลยว่า โคตรน่าเบื่อ
ซึ่ง จอห์น ซีน่า (John Cena) ก็ยังไม่ใช่คนที่จะมาชดเชยได้พอ ยิ่งตัวร้ายใหม่อย่าง ออตโต ก็หาเสน่ห์ยังไม่เจอ แล้วตัวร้ายสุดเท่แบบไซเฟอร์ของ ชาร์ลิซ เธอรอน (Charlize Theron) ก็มีเวลาบนจอน้อยมากเหมือนรอไปเล่นภาคต่อมากกว่าจะมีบทจริงจัง ใด ๆ ที่ว่ามาคงเรียกว่าหนังขาดเสน่ห์ไปอย่างสมบูรณ์ทั้งการใช้ของเก่า และการคิดของใหม่
จุดที่ดีก็มีในแง่การหยอดใส่ตัวละครจากภาคเก่า ๆ ที่ทำได้หลายจุด ทั้งดึงเอานักแสดงรับเชิญมาเปิดตัวแบบเซอร์ไพรส์หลายคนทั้งนักร้องอย่าง คาร์ดี บี (Cardi B) ซุปเปอร์สตาร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่ และโอซูนา (Ozuna) แต่ก็คงว้าวซ่าสำหรับคอเพลงมากกว่าคอหนังที่คงทำหน้าแบบ แล้วไง? และที่ประทับใจก็การมาปรากฏตัวอีกครั้งของ เฮเลน มิร์เรน (Helen Mirren) รวมถึงการเอาตัวละครเก่ากลับมาอย่าง ฮาน ซึ่งก็ถือว่าแถแบบไม่ค่อยรับผิดชอบนักแต่ก็ไม่น่าเกลียด แต่แย่ตรงเอามาใช้โคตรไม่คุ้ม แทบนึกไม่ออกว่าพี่แกมีฉากน่าจดจำอะไรให้สมการฟื้นคืนชีพกลับมา
“ชราไลน์” แจกความสดใส แสบซ่า พาแฟนคลับใจละลายใน BNK48 Charaline 1st Fanmeet
ที่สำคัญอีกประการคือหนังขาดการทำการบ้านกับเนื้อหาภาคเก่า ๆ ที่ดีพอ จุดขายภาคนี้คือ น้องชายของดอมที่ไม่เคยถูกพูดถึงจะมาเป็นตัวร้ายต่อกรกับดอม โดยได้ซีนามารับบท คำถามตั้งแต่ก่อนรับชมก็คือ คนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวโคตร ๆ แบบโคตร ๆ อย่างดอม ต่อให้มีเหตุหมางใจอะไรก็ตาม ทำไมถึงปล่อยเวลามาจนภาค 9 (ระยะเวลาของแฟรนไชส์คือกว่า 20 ปี) โดยไม่เคยตามหาเพื่อเคลียร์ใจมาก่อนเลย ซึ่งลินก็รู้จุดอ่อนตรงนี้และใส่เหตุการณ์ปมอดีตมาเพื่อทำให้ดูสมเหตุสมผล ทว่ามันสมเหตุสมผลแบบดันทุรังไปให้มันจบ ๆ ภาคเพื่อเอาไปเล่นภาคหน้าอีกแล้ว เพราะถึงจุดชี้ขาดก็คือ ดอมมันกลายเป็นตัวละครที่เห็นน้ำ (เพื่อน) ข้นกว่าเลือด (พี่น้อง) อยู่ดี แล้วไอ้ปมที่ไม่ยอมถามเหตุผลจนมารู้ความจริง มันดูอ่อนเหลือเกินสำหรับดอมที่ผ่านเหตุการณ์ทรยศเพื่อนในภาค 8 มาแล้วนั่นล่ะ เว็บดูหนังฟรี
มันให้อารมณ์เหมือนในตัวอย่างหนังที่ โรมันอุทานว่า เฮ้ยเราต้องหยุดเจ้ารถบรรทุกยักษ์นี้จริง ๆ เหรอ? ซึ่งสำหรับคนดูคงทำหน้านิ่ง ๆ แล้วคิดในใจ น่าตกใจตรงไหน พวกแกเคยถล่มเมือง ถล่มเรือดำน้ำ ถล่มเครื่องบินที่กำลังจะขึ้นบินมาหมดแล้วนะเฮ้ย อารมณ์แบบนี้จะมีให้รู้สึกทั้งเรื่องจริง ๆ
และย้ำให้เห็นว่าการโม้แบบไม่สมจริงไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแย่เกี่ยวกับ Fast ภาคหลัง ๆ แต่เป็นการโม้ที่เริ่มย่ำเท้ากับที่ ฉากโชว์ไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจเท่าในภาคเก่า ๆ แล้ว แถมยังใช้ไอเดียซ้ำภาคก่อนค่อนข้างเยอะ เป็นแบบที่บอกว่าไม่ไหวอย่าฝืน ขืนออกมาทุก 2-3 ปีมาเกือบ 10 ภาคอย่างไรมันก็ตัน
ข้อดีของหนังเรื่องนี้ที่อยากเชิญชวนให้ชมคือ ฉากแอ็กชันเบอร์ใหญ่อย่างนี้ ดูในโรงจะได้พลังจอ พลังเสียงมาขับความยิ่งใหญ่ได้ดีที่สุดเท่านั้นจริง ๆ ส่วนตัวหนังสำหรับแฟนก็ควรดูนะเพื่อจะได้ไปสานต่อกับภาคจบได้เข้าใจ แต่คอหนังทั่วไปก็สุดแล้วแต่ปัจจัยแต่ละคนครับ

เชื่อว่าแฟนๆ หนังแฟรนไชส์ชุดนี้น่าจะรู้อยู่แล้วว่า การที่จะดูหนังชุดนี้ให้สนุกได้ คุณต้องถอดตรรกะและความสมเหตุสมผลออกจากสมองไปก่อนเลยนะฮะ

และสำหรับภาคนี้ก็เช่นเดียวกัน หนังสร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่นสุดเดือดที่เวอร์วังอลังการมาเสิร์ฟให้กับเราตลอดทั้งเรื่องเลยฮะ คือเดือดจริงและมันส์จริง ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยว่าทีมผู้สร้างเค้าไอเดียบรรเจิดสุดๆ

แต่ถ้ามองในแง่ของบทหนัง ภาคนี้ค่อนข้างที่จะอ่อนกว่าภาคอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดเลยฮะ คือจริงๆ แล้วพลอตดีนะฮะ แต่การนำเสนอไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่ ดูยังไงก็ไม่อินกับดรามาพี่น้อง แถมแรงจูงใจในการกระทำหลายๆ จุดของตัวละครแต่ละตัวก็ดูแปลกๆ เหมือนแค่จับยัดๆ มันลงไปเพื่อให้เรื่องมันเดินหน้าไปได้แค่นั้น

สิ่งดีอย่างหนึ่งของหนังที่นอกเหนือจากฉากแอ็คชั่นสุดมันส์แล้วก็เห็นจะเป็นการเล่าถึงปูมหลังของ ดอม กับครอบครัวตั้งแต่ในช่วงสมัยวัยรุ่น แต่ก็อย่างที่บอกไปตอนต้นแหละฮะว่าเหมือนแค่จับๆ ยัดมันลงไป เพราะเนื้อหามันเบาโหวงมากจนแทบจะไม่ได้ช่วยให้หนังดูมิติอะไรมากขึ้นมาได้เลย กลายเป็นว่าเสียของเลยฮะ

และที่น่าสียดายสุดๆ ก็คือ การที่อุตส่าห์ดึงตัวละครอย่าง Han Jue (รับบทโดย Sung Kung) กลับมาใช้งาน แต่กลับไม่ใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพ เหมือนแค่เอากลับมาเพื่อเอาใจแฟนๆ แทนที่ตัวละคร Luke Hobbs ซึ่งรับบทโดย The Rock (Dwayne Johnson) ที่ไม่กลับมาร่วมงานด้วย

ฮาน จึงกลายเป็นแค่ตัวประกอบที่แทบจะเป็นส่วนเกินของหนังเฉยเลย และนอกจาก ฮาน ที่ได้กลับมาร่วมทีมแล้ว ก็ยังมีตัวละครเก่าๆ อีกหลายๆ ตัวที่กลับมาโผล่มากันคนละนิดคนละหน่อยเช่นเดียวกับในภาค 8 (นี่ก็ทำเสียดายของมาก) เช่น Magdalene Shaw (รับบทโดย Helen Mirren), Sean Boswell (รับบทโดย Lucas Black), Twinkie (รับบทโดย Bow Wow), Earl (รับบทโดย Jason Tobin) และ Santos (รับบทโดย Don Omar) รวมถึงตัวละคร Gisele Yashar (รับบทโดย Gal Gadot) ที่มีโผล่มาแจมในภาคนี้ด้วย (แต่จะมายังไงไม่ขอสปอยนะฮะ)

และใครที่ชอบแซวๆ กันว่า เดี๋ยวทีมฟาสต์นี่ต้องได้ออกไปตะลุยอวกาศแน่ๆ คุณได้สมใจกันแล้วฮะในภาคนี้ เพราะทีมแฟมิลี่นี้เค้าได้ซิ่งรถออกไปตะลุยอวกาศกันแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้แล้วฮะ

ก็อย่างที่บอกไว้แหละฮะ ว่าให้ถอดตรรกะความสมเหตุสมผลออกไปให้หมดก่อนที่คุณจะดูหนังตระกูลนี้

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส
จุดเด่น
สานต่อแฟรนไชส์ก่อนไปสิ้นสุดซาก้าในภาคที่ 10 แฟนตัวจริงยังไงก็ต้องดู มีเปิดตัวละครใหม่ของจอห์น ซีน่าด้วย แถมฉากแอ็กชันยังโม้อึกทึกครึกโคมเช่นเคยดูในโรงถึงจะสมบูรณ์สุด ๆ
จุดสังเกต
ไร้เสน่ห์ในแทบทุกส่วนของหนัง
ติดตามหนังใหม่ได้ที่  เว็บหนังฟรี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *