รีวิว The Invisible Man

 

 

 

รีวิวหนังฮิต  เริ่มแล้วล่ะ หลังจาก “ใครหลายคนไม่พอใจเรื่องเก่า” มานานในจักรวาล The Dark Universe ที่ทำภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ มัมมี่” คว่ำไม่เเป็นท่า เลยทีเดียว ทั้งด้านคำวิจารณ์และรายได้ ต่าง ๆ นั้นพังยับ แต่ก็นะคนเราต้องพัฒนา

ดังนั้น ทางค่าย “ยูนิเวอเซล สตูดิโอ” ก็ไม่ยอมแพ้ที่คิดจะปลุกมอนสเตอร์หลอนๆในตำนานมาทำใหม่อีกครั้งโดยดึง “Blumhouse Productions” มาร่วมปลุกมอนสเตอร์เฮี้ยนอีกครั้ง
ซึ่งค่ายหนังสยองหนังเฮี้ยนอย่าง บลัมเฮาส์ ที่ฝากผลงานป้งๆไว้มากมายอาทิ “Get Out” / “Halloween” / “Happy Death Day” ถึงหนังบางเรื่องจะปังบ้างแป้กบ้างในด้านคำวิจารณ์ แต่ด้านรายได้ก็ปังเสมอ ค่ายนี้จะดีอยู่ที่ไม่เล่นใหญ่มาก ไม่เล่นทุนสูงเกินไป ทำให้ทางค่ายอาจจะไม่กดดันมากมายไรมาก
รีวิว The Invisible Man
แล้วในที่สุด แต๋นแตนนนนนนนนนน ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมนุษย์ล่องหน
มาแล้วววว The Invisible Man (2020) นำแสดงโดย Elisabeth Moss ได้ตัว Leigh Whannell มาเป็นผกก. แล้วครั้งนี้จะไม่ทำแนวเล่นใหญ่ แฟนตาชี เหมือน เดอะ มัมมี่ แล้ว ครั้งนี้จะมาแนวสยองขวัญชวนระทึกทุนต่ำ แค่ 7-9 ล้านเหรียญเองซึ่งตัวผมก็ชอบแนวๆนี้อยู่แล้ว ก็ไม่พลาดที่จะจัดซื้อตั๋วมาดู

รีวิว The Invisible Man

รีวิว The Invisible Man

เห็นได้ชัดว่าฝีมือการกำกับของ ลีห์ แวนเนล ก้าวกระโดดจากเรื่อง Insidious: Chapter 3 อย่างมาก ขอย้อนความสักนิดสำหรับคนที่ไม่รู้จักชื่อ ลีห์ แวนเนล เขาผู้นี้คือเพื่อนสนิทของ เจมส์ วาน เขาเป็นคนเขียนบทและแสดงนำเรื่อง Saw ภาคแรก หนังที่แจ้งเกิดให้เจมส์ วาน กลายเป็นผู้กำกับชื่อดังแบบฉุดไม่อยู่ไปแล้ววันนี้ ส่วนลีห์ ก็ยังกระเตาะกระแตะ เขียนบทหนังไปเรื่อย เขาเขียนบท Saw ไปจนถึงภาค 3 และ Insidious ทุกภาค จนเริ่มมาลองจับงานกำกับครั้งแรกใน Insidious: Chapter 3 เรื่องถัดมาคือ The Upgrade ปี 2018 ถ้าใครหามาดูได้แนะนำเลย หนังสนุกมาก จนล่าสุดก็คือ The Invisible Man นี่ล่ะ ที่ฝีมือของลีห์ ก้าวกระโดดและฉายแสงว่าฝีมือเขาไม่น้อยหน้าเพื่อนสนิทล่ะ แล้วในฐานะที่เป็นผู้กำกับที่เขียนบทเอง ยิ่งจะได้เปรียบด้วยเพราะจะรู้ลึกว่าแต่ละฉากควรจะถ่ายทอดภาพออกมาอย่างไร โดยไม่ต้องอธิบาย
รีวิว The Invisible Man
ลีห์ แวนเนล ผู้กำกับ และ เอลิซาเบ็ธ มอส นักแสดงนำของเรื่อง
แล้ว The Invisible Man ของลีห์ ก็สามารถทำให้ มนุษย์ล่องหน นั้นออกมาได้น่ากลัวอย่างกับปีศาจร้ายตัวหนึ่งเลยเชียว ชอบมากกับการเล่นกับการคาดเดาคนดู บ่อยครั้งที่ลีห์เลือกแช่กล้องนิ่ง ๆ แล้วปล่อยให้นักแสดงเดินไปมา ด้วยการรับรู้ของคนดูว่า มนุษย์ล่องหนอาจะแอบอยู่ในฉากนั้น ก็ยิ่งต้องจ้องว่าจะมีอะไรขยับเขยื้อนไหม จ้องไปก็ลุ้นไปว่าจะมีอะไรโผล่มาให้ตกใจไหม หนังค่อนข้างเงียบมาก ยิ่งเพิ่มความกดดัน ใช้ดนตรีประกอบน้อยมาก แล้วทุกครั้งที่ใช้ก็ได้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าจริง
ก่อนที่จะดูรู้สึกขัดกับภาพลักษณ์ของ เอลิซาเบ็ธ มอส อย่างมาก เป็นนางเอกที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายนักและไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดเลย แต่ก็ถูกนำมาใช้เป็นชื่อขายปะหัวหนังเลยด้วยซ้ำ แต่พอได้ดู ก็ต้องชื่นชมเธอจริง ๆ ด้วยเอกลักษณ์ที่เป็นสาวตาโต กับบทที่ต้องเล่นคนเดียวบ่อยครั้ง ยิ่งจำเป็นที่เธอต้องสื่อความรู้สึกอย่างมากผ่านสายตาและสีหน้า มีอยู่ฉากหนึ่งที่เธออยู่คนเดียวแล้วพูดความในใจกับสามีที่เป็นมนุษย์ล่องหน เป็นฉากยาวที่เธอเริ่มพูดจากสีหน้าธรรมดา จากนั้นก็เริ่มระบายความรู้สึกคั่งแค้นที่เก็บกดไว้ในใจ แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปตามระดับอารมณ์ เป็นสีหน้าของหญิงที่ผ่านความระทมทุกข์น้ำตาไหลพราก เป็นฉากที่โชว์ฝีมือการแสดงให้เห็นจริง เธอคนเดียวเอาหนังได้อยู่จริง ชื่นชมครับ

สรุปโดยรวม

แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความดีความชอบส่วนใหญ่ต้องเทไปที่บทของลีห์ แวนเนล ที่เล่าเรื่องราวได้ระทึกตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง แค่เปิดฉากมาก็โยนปริศนาโครมใหญ่ใส่คนดูแล้ว เอเดรียน กริฟฟิน มีจุดประสงค์อะไร, เขากลายเป็นมนุษย์ล่องหนได้อย่างไร, แล้วเอเดรียนที่เป็นศพจากการกรีดข้อมือตัวเอง มามีตัวตนในร่างมนุษย์ล่องหนได้อย่างไร หนังค่อย ๆ คลี่คลายไปทีละเปลาะ พร้อมทั้งหยอดปริศนาเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้ามาใหม่ตลอดทาง แถมมีหักมุมในช่วงท้าย หนังสร้างบรรยากาศอึมครึม กดดันได้ทั้งเรื่อง และที่สำคัญฉีกออกจากสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญได้ ด้วยการไม่เน้นตุ้งแช่ และไม่มีฉากแหวะ ลีห์ แวนเนล ดูสนุกกับการเล่นกับการคาดเดาของคนดู ให้ลุ้นเอาเองว่ามนุษย์ล่องหนจะโผล่มาตอนไหน ฉากไหน ที่ชอบอีกอย่างคือการปรับบทให้เข้ากับยุคสมัย รอบนี้มนุษย์ล่องหนหายตัวได้ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ดูเป็นไปได้จริงกว่าการทำร่างกายตัวเองให้โปร่งแสงในเวอร์ชันก่อน ๆ
แต่ก็มีบางจุดที่ชวนขัดใจ แล้วก็ชวนให้รู้สึกเสียดายที่ลีห์ ยอมปล่อยให้หนังมีช่องโหว่มากมายเสียเหลือเกินไม่เช่นนั้นหนังจะสมบูรณ์กว่านี้มาก ยิ่งถ้าหนังได้เวลาเพิ่มมาสัก 10 นาที ให้คนดูได้เห็นความโหดร้ายของ เอเดรียน กริฟฟิน ว่าเขาทำอะไรกับ ซีซิเลีย ไว้บ้าง การมาถึงของเอเดรียน ในร่างมนุษย์ล่องหน จะชวนระทึกกว่านี้มาก ยิ่งได้ โอลิเวอร์ แจ็กสัน-โคเฮ็น มารับบทเอเดรียน แม้มีเวลาบนจอไม่กี่นาที โอลิเวอร์ก็ฉายแววโรคจิตให้สัมผัสได้จริง แต่โดยรวมแล้วหนังก็สร้างสมคะแนนทางด้านบวกไว้มาก ทำให้ช่องโหว่เหล่านี้ไม่ฉุดคะแนนลงไปมากนัก
หนังใช้ทุนสร้างไปจุ๋มจิ๋มมากแค่ 7 ล้านเหรียญ ลงทุนกับฉากซีจีนิด ๆ หน่อย ๆ ใช้ตัวแสดงหลักแค่ 6 คนเท่านั้น พอเข้าฉายแค่สัปดาห์เดียวกวาดไปแล้ว 53 ล้าน คนที่ยิ้มสุดคือ เจสัน บลัม เจ้าของค่าย Blumhouse Production สตูดิโอที่เน้นสร้างแต่หนังสยองขวัญ ที่เดินเกมฉลาดมากกับการไปรับเหมาโพรเจกต์ Dark Universe มาจากค่ายยูนิเวอร์แซล หลังโพรเจกต์นี้ล้มไม่เป็นท่าตั้งแต่เรื่องแรก เหตุจาก The Mummy หนังขายชื่อ ทอม ครูซ ในปี 2017 เจ๊งเละเทะ เดิมทียูนิเวอร์แซลวางตัว จอห์นนี่ เด็ปป์ ให้เป็นมนุษย์ล่องหนไว้ด้วยซ้ำ พอ The Invisible Man เปิดตัวที่ BlumHouse ได้สวยงามแบบนี้ ทำให้แฟนหนังสยองขวัญจะได้ดู มนุษย์หมาป่า, แดรกคูล่า, แฟรงเกนสไตน์ เป็นลำดับต่อไปอย่างแน่นอน
ความรู้สึกหลังดูจบ
ผมรักหนังเรื่องนี้มากๆๆๆ หนังแทบจะไม่ต้องเริ่มปูเรื่องให้เสียเวลา เริ่มเรื่องก็ลุ้นกดดันเลยทีเดียว (จริงๆผมรักตั้งแต่ไตเติลขึ้นชื่อเรื่องแล้วละ)
ชอบที่หนังเขาจัดฉากเน้นพื้นที่โล่งๆ ไม่ก็มืดๆว่างเปล่า ให้รู้สึกว่าไม่ว่างเปล่าได้ มันมีความระเวงไม่แน่นอนตลอดเวลา (แต่ชีนพวกนี้คนชอบเล่นชอบจับผิดคงถูกใจกับชีนพวกนี้) โดยเรื่องนี้เขาไม่เล่นทุนสูงมากจนเลี่ยนเหมือนจักรวาลอื่นๆ เน้นบทเนื้อเรื่องและการแสดงขั้นเทพของ Elisabeth Moss ที่ขอบอกเลยว่าเดือดไม่แพ้ตัวเนื้อเรื่องเลยทั้งสีหน้าแววตาให้เราเชื่อได้เลยว่าความตายรออยู่ตรงหน้าเธอ
แต่ความสยองลุ้นระทึกคงไม่พอ ต้องมีฉากแอ็คชั่นเจ๋งๆด้วย พร้อมกับมุมกล้องที่ไม่เหมือนใครฉีกทุกภาพจำทั้งหมดในโลกภาพยนตร์
แถมตัวหนังได้ใส่ประเด็นเรื่องความรุนแรงของคู่รัก หรือ ภายในครอบครัว และถูกควบคุมและกดขี่โดยผู้ที่ใหญ่กว่า ได้ดีไม่รู้สึกมันยัดเยียดเลยชะนิด
ใครที่เคยดูละครไทยเรื่อง “เนื้อใน” น่าจะเข้าใจประเด็นที่กำลังจะสื่อในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก
 Invisible Man, The /มนุษย์ล่องหน
“สรุป”
ภาพยนตร์เรื่องThe Invisible Man (2020) เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญ จิตวิทยาที่ดูสนุกลุ้นระทึก พร้อมสอดแทรกประเด็นความรุนแรงภายในครอบครัว ได้ชาญฉลาดไม่ยัดเยียด ฉีกทุกภาพจำ ไม่พยายามเล่นใหญ่เหมือนครั้งก่อนที่เคยพลาดไว้ อาจจะเป็นไปได้ว่าทางสตูดิโอจะเปิดเรื่องราวมอนสเตอร์ในรูปแบบสยองขวัญทุนต่ำที่มันควรจะเป็นชะที
ดูหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังใหม่
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ facebook 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *