รีวิว Spotlight

ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับ Boston Globe สำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ที่ทำการตีแผ่เรื่องราวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ และข่มขู่เด็กชายในศาสนจักรคาธอลิค จนเป็นกระแสที่โด่งดังในอเมริกาในปี 2001-2002 โดยจะพาผู้ชมไปสืบเสาะหาข้อมูลเบาะแสกับทีมนักข่าว Spotlight เนื้อเรื่องจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ มีการบรรยายฉากการล่วงละเมิดทางเพศ

เนื้อเรื่อง รีวิว Spotlight

 

รีวิว Spotlight

 

ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่คำบรรยาย แต่ผู้ชมสามารถจินตนาการภาพไปพร้อมกัน และการดำเนินเรื่องจะทำให้เริ่มนำข้อมูลที่หาได้มารวมกัน จนได้ความจริงเล็ก ๆ ที่ปรากฏเรื่อยๆ จนใกล้ความจริงของต้นตอทั้งหมด จากตรงนี้ผู้ชมคงจะนั่งลุ้นกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับทีมนักข่าวนี้อย่างแน่นอน

เรื่องย่อ รีวิว Spotlight

 

รีวิว Spotlight

 

ทีมนักข่าว Spotlight ได้ตั้งคำถามขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องราวการล่วงละเมิดทางเพศในคริสตจักรที่มีมานาน แต่เพราะเหตุใดถึงยังไม่มีใครเปิดโปงขึ้นมา เรื่องนี้ไม่ได้เจาะจงถึงความเลวร้ายเท่านั้น

 

นอกจากนี้ยังตีแผ่ถึงการเมืองภายใต้คริสตจักรอีกด้วย จากประโยคที่น่าจดจำอย่าง “They control everything” และใครอยู่เบื้องหลังที่แท้จริงนั้น อาจไม่มีใครทราบความจริงได้ แต่เรื่องนี้พยายามเปิดโปงเรื่องราวเหล่านี้ให้คนภายนอกได้รับรู้ ผ่านทีมนักข่าว Spotlight ที่นับถือนิกายนี้เช่นเดียวกัน ดูหนัง

 

หนังสายรางวัลมาแรง ที่เป็นตัวเก็งออสการ์ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปีนี้ล่ะ หนังมีคุณสมบัติพร้อมในเรื่องเนื้อหาที่หนักและจรรโลงสังคม ที่เป็นแนวโปรดของออสการ์ มองย้อนไปในเส้นทางที่ผ่านมาก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะหนังทยอยฉายในต่างประเทศมาตั้งแต่ กันยายน จนถึงตอนนี้เข้าชิงไปแล้ว 99 รางวัลจากเวทีทั่วโลก แล้วกวาดมาได้ถึง 57 รางวัล ได้รับเสียงโหวตจากสมาชิก 2 เว็บไซต์ภาพยนตร์หลักอย่าง IMDB สูงถึง 8.4 และ Rotten Tomatoes สูงถึง 97 %

 

รีวิว Spotlight

 

หนังเขียนบท และ กำกับโดย ทอม แม็คคาร์ธีย์ อดีตดาราชายที่หันมาเอาดีทางด้านกำกับ เคยมี The Visitor (2007) ที่กวาดรางวัลไปเยอะเหมือนกัน รอบนี้ ทอม เลือกหยิบคดีอื้อฉาวในปี 2001 ที่ส่งผลให้หนังสือพิมพ์ บอสตันโกลบ ได้รางวัลพูลิตเซอร์ในสาขารับผิดชอบสังคมในปี 2003 มาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์เอง เน้นไปที่ทีม สปอตไลท์ กลุ่มนักข่าวฝีมือดี 4 คนของ

 

หนังสือพิมพ์ บอสตัน โกลบ ที่ได้รับคำสั่งจาก บรรณาธิการคนใหม่ให้ไปรื้อข่าวบาทหลวงล่วงเกินทางเพศเด็กในปี 1993 มาขยายความ จากชื่อบาทหลวงเพียงหนึ่งขยายเป็น 13 คน และ จบที่ตัวเลข 87 คนทั่วบอสตันที่มีความเป็นไปได้ว่ากระทำชำเราเด็กจริง จากข่าวเล็ก ๆ กลายเป็นข่าวใหญ่ที่น่าจะส่งผลกระทบไปถึงศาสนจักรทั่วโลก เมื่อสปอตไลท์มีหลักฐานว่า เหล่าพระราชาคณะ ต่างรู้เห็นเรื่องนี้มาตลอดแต่ร่วมกันปกปิด ดูหนังออนไลน์

 

 

แม้ Spotlight จะเป็นหนังสายรางวัลแต่หนังก็ไม่ได้ดูยาก ไม่น่าเบื่อ ด้วยเนื้อหาที่เดินหน้าเร็ว ผสมเรื่องราวเชิงสืบสวนที่ลากจากเบาะแสหนึ่ง ไปอีกเบาะแสหนึ่งตลอดเวลา ลามไปถึงผู้เกี่ยวข้องมากมาย ทำให้หนังมีตัวละครในเรื่องเยอะมากกกก ได้เห็นการทำงานที่มากกว่าคำว่านักข่าว ที่ต้องพ่วงบทบาทนักสืบเข้าไปด้วย การทำงานแบบโคตรทุ่มเท เดินเคาะประตูตามบ้าน

 

บ้านไหนไม่ยินดี ก็โดนด่าท้าตีท้าต่อย การใช้วาทะศิลป์ลูกล่อลูกชนให้เหยื่อยอมเล่าความจริงที่ตัวเขาอยากจะลืม  เรื่องราวส่วนนี้น่าจะถูกใจคนทำงานหนังสือพิมพ์ได้เห็นการทำงานของทีมที่ได้รางวัลพูลิตเซอร์ว่าเขาทุ่มเทกันอย่างไร ได้เห็นการตัดสินใจยาก ๆ ของคนระดับหัวหน้าที่ต้องเลือกจะตีแผ่ข่าวเลยหรือจะรอข้อมูลสำคัญแล้วยิงทีเดียวแบบเอาให้ตาย

 

บทสนทนาในเรื่องก็เต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลึกทางกฎหมาย วงการศาสนจักร และ เอ่ยชื่อบุคคลที่ 3 ที่ 4 เต็มไปหมด แต่หนังก็เดินหน้าไปอย่างรวดเร็วแบบไม่ห่วงคนดูเลย ไม่มีทางที่หัวสมองจะเก็บเกี่ยวประมวลข้อมูลขณะดูได้ทันแน่นอน ถ้าดูดีวีดีที่บ้าน กดย้อนหลังดูซ้ำแบบนี้ถึงจะเก็บรายละเอียดได้ครบ หนังมีศัพท์ยาก ๆ หลายคำ ทำให้รู้สึกชื่นชมคุณ “วาริน” คนทำซับไตเติ้ลไทยเรื่องนี้นะ จัดว่าเป็นงานยากที่ต้องทำการบ้านพอสมควร ดูหนัง 4k

 

 

แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังเรื่อง Spotlight นั้นจะผ่านเวลามากว่า 10 ปีแล้ว แต่ประเด็นในหนังกลับไม่ใช่เรื่องล้าสมัยแต่อย่างใด มันกลับสะท้อนให้ผู้ชมได้มองเห็นว่า “หน่วยงานสื่อสารมวลชน” นั้นมีบทบาทที่สำคัญอย่างไรต่อสังคม และ เป็นตัวขับเคลื่อนวิถีชีวิตได้เช่นไร

 

จุดเริ่มต้นของหนังเกิดขึ้นเมื่อมาร์ตี้ บารอน (เลียฟ ชไรเบอร์) ย้ายจากไมอามี่มารับตำแหน่งบรรณาธิการคนใหม่ของ นสพ. บอสตัน โกล้บ ตอนฤดูร้อนปี 2001 เขาสั่งให้ทีมข่าวคอลัมน์สปอตไลท์ คอยตามข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในตอนนั้นแทบจะทันที ข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องของบาทหลวงท้องถิ่นรูปหนึ่ง ที่โดนกล่าวหาว่าได้ทำการล่วงละเมิดทางเพศลูกศิษย์ประจำโบสถ์ที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะกว่า 10 คน ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา

 

แม้จะทราบดีกว่า การเข้าไปหาเรื่องสำนักบาทหลวงคาทอลิกบอสตันนั้นไม่ต่างอะไรกับการไปแหย่รังแตน แต่ทีมนักข่าวสปอตไลท์ทั้ง 4 คน – อันได้แก่ วอลเตอร์ “ร็อบบี้” โรบินสัน (ไมเคิล คีตัน) หัวหน้าทีม, ซาช่า ไฟเฟอร์ (เรเชล แม็คอดัมส์) กับ ไมเคิล เรเซนเดส (มาร์ค รัฟฟาโล) สองนักข่าวหัวเห็ด และ แม็ตต์ คาร์โรลล์ (ไบรอัน ดาร์ซี่ เจมส์) คนหาข้อมูล เมื่อเขายิ่งสืบยิ่งขุดลึกลงไป พวกเขาก็ยิ่งพบกับความน่าตกใจ

 

 

หลังจากที่พวกเขาได้พูดคุยกับ มิทเชลล์ การาเบเดี้ยน (สแตนลี่ย์ ทุชชี่) ทนายความของเหยื่อ, ได้สัมภาษณ์เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศหลายรายที่ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว, รวมถึงได้อ่านบันทึกการไต่สวนที่ถูกปิดผนึกมาช้านาน พวกเขาก็ได้พบว่า การกลบเกลื่อน และ ปกปิดข่าวฉาวของสำนักบาทหลวงคาทอลิกบอสตันนั้น ได้รับการวางแผนอย่างเป็นระบบ และ ทรงประสิทธิภาพจนน่าตกใจ

 

พวกเขาถูกสำนักบาทหลวงขัดแข้งขัดขาทุกวิธีทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก พระคาดินัล เบอร์นาร์ด ลอว์ (เลน คาริอู) ผู้ทรงอำนาจในท้องถิ่น แต่บอสตัน โกล้บ ก็ตัดสินใจตีพิมพ์บทความข่าวชิ้นนี้ในเดือนมกราคมปี 2002 และ มันก็ได้กลายเป็นข่าวใหญ่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ทั้งประเทศ นำไปสู่การเปิดโปงกรณีล่วงละเมิดทางเพศที่เกี่ยวข้องกับผู้นำทางศาสนาอีกกว่า 200 เมืองทั่วโลก และ ข่าวชิ้นดังกล่าวชนะรางวัลข่าวสืบสวนยอดเยี่ยมพูลิตเซอร์ไพรซ์ไปครอง ดูหนังออนไลน์ 4k

 

 

สิ่งสำคัญที่เราได้มองเห็นในหนังเรื่องนี้คือมันได้สะท้อนภาพแวดวงสื่อสารมวลชนคนทำข่าว ที่ทำให้เรามองเห็นกระบวนการทำงานกว่าจะผลิตงานข่าวได้สัก 1 ชิ้น พวกเขาต้องออกไปเสาะแสวงหาข้อมูลกันอย่างยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการออกไปพูดคุยกับเหยื่อ, การเสาะหาข้อมูลเพิ่มเติมจากห้องสมุด เอกสารทางราชการ หรือกระทั่งคำตัดสินของศาล และ ยังไม่รวมไปถึง

 

การพูดคุยกับแหล่งข่าวที่สามารถให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ผิดกับยุคปัจจุบันที่เหมือนกับการทำข่าวแค่การเข้าโซเชียลมีเดียแล้วเอาภาพวิดีโอจากแหล่งข้อมูลเดียวกันมานำเสนอจนเกลื่อน และ ปราศจากแง่มุมของความหลากหลายมุมมอง

 

ประโยคที่คมคายของหนังก็คือประโยคที่ว่า “เมื่อมีใครสักคนจุดไฟขึ้นมาท่ามกลางความมืด ทุกคนก็จะมัวแต่ให้ความสนใจแสงสว่างนั้นจนมันมอบดับไปเลยไม่ได้สนใจบริบทอื่นเลย” ราวกับว่าก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่ามีบาทหลวงล่วงละเมิดทางเพศ

 

 

เด็ก แต่เหมือนกับว่าข่าวจะได้รับความสนใจช่วงสั้นๆ และ ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม และ การล่วงละเมิดทางเพศเด็กก็ยังเกิดขึ้นต่อไป ดังนั้นการทำงานของทีมข่าวสปอตไลท์ในครั้งนี้คือการที่พวกเขาต้องเล่นไปให้ถึงตัว “สถาบัน” ว่าเหตุใดกันข่าวเช่นนี้ถึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก และ กินเวลามาอย่างยาวนานกว่านับสิบปี รีวิวหนัง

 

แม้ว่าเรื่องราวจะมีตอนจบที่ผู้ชม “รู้อยู่แล้ว” แต่ระหว่างทางของหนังเรื่องนี้ ผู้ชมก็ยัง “สนุก” ไปกับการทำงานข่าว การสืบความจริงของทีมข่าว ราวกับเรากำลังนั่งดูหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตัวหนังจะได้รับความสนใจจากบรรดาสถาบันประกาศผลรางวัลบนเวทีต่างๆกันอย่างคับคั่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *