รีวิวหนัง 12 ตายไม่เป็น

 

รีวิวหนังฝรั่ง โย้วววสวัสดีทุกๆคนน วันนี้ก็ เหมือนเช่นเคย มารีวิวหนังกันนน มาพูดคุยเรื่องหนังกันเหมือนเดิม นี่คือหนังสงครามสุดมันส์ ที่พาเราไปอยู่ในสมรภูมิแปลกตากับการต่อสู้บนภูเขาหินในอัฟกานิสถาน ฝ่ายพระเอกต้องขี่ม้าต่อสู้กับรถถัง และ ปืนกล เลยอะแกกก หนังถ่ายทอดทัศนียภาพเทือกเขาของอัฟานิสถานออกมาได้สวย มีภาพทหารเท่ ๆ
รีวิวหนัง 12 ตายไม่เป็น
มีเปลวไฟจากลูกระเบิดเป็นฉากหลัง แม้จะเป็นหนังสงครามที่เดินเรื่องด้วยสภาวะตึงเครียด เต็มไปด้วยเลือด เหงื่อ เขม่าควัน แต่ก็ยังมีมุกฮาแบบได้เสียงหัวเราะดัง ๆ มาผ่อนคลายอารมณ์ไม่ให้ตึงเครียดเกินไปนัก ถ้าใครชอบหนังสงครามจะต้องถูกใจ 12 Strong แน่นอน เพราะครึ่งหลังนี่ได้ดูฉากสาดกระสุนกันยาว ๆ นับชั่วโมงไปเลย

รีวิวหนัง 12 ตายไม่เป็น

หนังอ้างอิงจากเหตุการณ์จริง เล่าวีรกรรมที่ไม่ถูกเปิดเผยของทหารกล้า 12 นายหน่วย ODA 595 ที่อาสาเป็นแนวหน้าหน่วยแรกไปโจมตีกลับกลุ่มตาลีบัน หลังโศกนาฏกรรมช็อคโลก 9/11 คริส เฮมส์เวิร์ธ รับบทเป็นกัปตัน มิตช์ เนลสัน หัวหน้าหน่วยได้รับมอบหมายภารกิจให้นำทหารติดตาม 11 นายไปสนับสนุนกับกองทหารพันธมิตรท้องถิ่นใน
อัฟกานิสถานที่นำโดยนายพลโดสตุม ที่เป็นปรปักษ์กับพวกตาลีบัน ทั้งหมดจะต้องเข้ายึดเมืองมาซาร์ อี ชารีฟ ที่เคยเป็นที่มั่นของกลุ่มพันธมิตรในอัฟกานิสถานคืนจากตาลีบัน เพื่อไม่ให้ตาลีบันแผ่ขยายอำนาจและจะทำให้มีการโจมตีสหรัฐในครั้งต่อไป
รีวิวหนัง 12 ตายไม่เป็น
ครึ่งแรกของหนังเล่าปูทางภารกิจและแนะนำตัวละครหลัก ซึ่งมีบทบาทอยู่เพียงแค่ 3 คนคือ คริส เฮมส์เวิร์ธ ในบทกัปตันมิตช์ เนลสัน , ไมเคิล แชนนอน ในบท สเปนเซอร์ และ ไมเคิล พีนา ในบทดิลเลอร์ ที่เหลือดูจนจบยังจำชื่อไม่ได้เลย หน่วย ODA595 เข้ามาประจำการที่ป้อมอลาโม ได้ทำความรู้จักกับนายพลโดสตุม ผู้นำหน่วยทหารพันธมิตร หน่วย ODA 595 รับฟังแผนการคร่าว ๆ แล้วเดินทางคืบหน้าตามติดโดสตุมไปทีละหมู่บ้านจนรุกคืบไปใกล้ มาซาร์ อี ชารีฟ
รีวิวหนัง 12 ตายไม่เป็น
พอเข้าครึ่งหลังฉากรบก็อัดมาเต็ม ๆ เมื่อหน่วย ODA 595 และกองทหารของโดสตุมมาถึงช่องแคบเทียนกี ประตูด่านสุดท้ายก่อนจะถึง มาซาร์ อี ชารีฟ และต้องประทะกับทัพของซาราส ทัพพันธมิตรของตาลีบัน มีรถยิงจรวดเป็นอาวุธหนักและดูจะได้เปรียบต่อฝ่ายทหารอเมริกันอยู่มาก บทหนังของ เท็ด ทัลลี และ ปีเตอร์ เครก ดัดแปลงมาจากหนังสือ “Horse Soldiers”ของ ดัก แสตนตัน เล่าเรื่องได้สนุก โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ที่หน่วย ODA 595
ตกที่นั่งลำบาก ถึงขั้นถอดใจแล้วว่าจะไม่ได้มีชีวิตรอดกลับไปกัน ก็ชวนให้ลุ้นกับสถานการณ์ที่ทั้ง 12 คนจะต้องประสบ และที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังที่เล่าเรื่องทหารอเมริกันคือการสอดแทรกประเด็นปลุกใจให้รักชาติ ก็มีมาพองามไม่ถึงกับยัดเยียดนัก ทำให้รู้สึกได้ว่าทหารพวกนี้รักชาติจริง ขนาดว่าได้รับมอบหมายภารกิจที่อาจจะไม่รอดชีวิตกลับมา แต่ทุกคนกลับรู้สึกภูมิใจที่ได้รับภารกิจอันทรงเกียรติในฐานะหน่วยแรกที่ได้ตอบโต้พวกตาลีบัน

ความรู้สึกหลังดูจบ

งานนี้เชื่อว่าหลายคนถ้าได้ดูจะต้องประทับใจกับบทบาทของนายพลโดสตุม นายทหารพันธมิตรจากอัฟกานิสถาน ที่มาด้วยมาดนิ่ง ๆ แต่ยิ่งอยู่บนจอนานขึ้นก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความยียวนแบบหน้าตาย นายพลโดสตุมเป็นนายทหารที่มีกองรบเล็ก ๆ หลักร้อยคนและเกลียดตาลีบันเข้าไส้ เป็นคนที่อยู่ในสนามรบมาแทบทั้งชีวิต มีหลักการความเชื่อในแบบของตัวเอง และเป็นคนที่พาเราไปเจอวัฒนธรรมแปลก ๆ ในสนามรบ
โดสตุมเป็นตัวละครที่มากวุฒิภาวะและให้คำคมคำสอนที่ดีไว้ในหนังมากมาย เขาจำแนกความแตกต่างคำว่า”ทหาร”และ”นักรบ”ไว้ได้สวยงาม ในขณะที่เป็นตัวละครอาวุโสโดสตุมเองก็เป็นตัวปล่อยมุกชั้นดีของหนังนับตั้งแต่โผล่หน้ามาโดสตุมก็เอาหนังไปครองเลย จนต้องเขียนให้เขาหายไปบ้างในครึ่งหลังไม่งั้นพระเอกเราไม่ได้เกิดแน่นอน งานนี้ไมเคิล พีนา ตัวประกอบจอมปล่อยมุกตลอดกาล เลยไม่ได้ทำหน้าที่ประจำเช่นเคย เพราะโดสตุมชิงมุกไปซะหมด นายพลโดสตุมรับบทโดย นาวิด เนกาบาน นักแสดงชาวอิหร่านที่อยู่ในฮอลลีวู้ดมาตั้งแต่ปี 2000 ผ่านงานแสดงมาแล้ว 120 เรื่อง ประสบการณ์โชกโชนล่ะ แต่น่าจะได้รับการจดจำจากเรื่องนี้ล่ะ
มองในด้านหนังสงคราม 12 strong เป็นหนังสงครามที่มีฉากรบมันส์เข้มข้นให้อารมณ์ได้ใกล้เคียงกับ Black Hawk Down (2001) บรรดาตัวละครตกสถานะลำบากแต่ก็ไม่ท้อแท้สิ้นหวังเท่า Lone Survivor ฉากรบเต็มไปด้วยกระสุนปลิวว่อน ระเบิดปูพรมตูมตามกระสุนยิงเช้าหัวเฟี้ยวเลือดกระจายแต่ก็ไม่โหดไส้ไหลเท่า Hacksaw Ridge ฉากรบนี่เรียกว่าให้ครบจัดเต็มทั้งสาดกระสุนปืนกล รถถัง รถยิงจรวด สไนเปอร์ซุ่มยิงกบาล ฉากสะใจสุดคือการวิ่งหาพิกัดแล้วแจ้งเครื่องบินให้ทิ้งระเบิดใส่เป้าหมาย ระเบิดปูพรม ตูมตามสวยงาม ฉากไคลแมกซ์สุดท้ายต้องสู้กับรถยิงจรวด BM12 ก็ทำได้สนุกตื่นเต้น งานนี้ต้องชื่นชมนิโคไล ฟุกล์ซิล ผู้กำกับชาวเดนมาร์ก ที่ชื่อเสียงโนเนมสุด ๆ เพราะมาจากสายช่างภาพสงคราม เคยผ่านงานทำสารคดีหนังสั้นกวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน จนไปเข้าตาเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ ให้มาประเดิมงานกำกับหนังใหญ่ ก็ต้องชื่นชมเจอร์รี่ ด้วยเช่นกันที่ตาถึงกล้ามอบหมายให้ทำหนังทุนสูงตั้งแต่เรื่องแรกเลย แล้วก็ทำออกมาได้ไม่ผิดหวัง
สรุปอีกที 12 strong เนื้อหาดูง่าย ไม่ซับซ้อน มีครบทั้งแอ็คชั่น ตลก แซมดราม่าเล็ก ๆ มันส์ถูกใจคอหนังสงครามแน่นอน หนังมีความเป็นเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์มากกับงานที่เน้นบันเทิงเป็นหลัก ไม่สนใจรางวัล เป็นหนังเอาใจตลาดรับต้นปีนี้ที่ดูได้เลยครับสนุก ไม่เสียดายตังค์แน่นอน
จะบอกว่าหนังเรื่องนี้แฝงอุดมการณ์ความรักชาติไว้ก็คงไม่ผิด ด้วยความที่มันเป็นหนังยาวกว่า 2 ชั่วโมง จึงทำให้หนังมีเวลาที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ กับคนดูได้พอสมควร ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ดีและไม่ทำให้เรารู้สึกว่าช่วงไหนของหนังมันยืดจนเกินไป ไม่ช้าไป ไม่เร็วไป จังหวะหนังกำลังดี หนังแสดงให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ของเหล่าทหารในหน่วยได้เป็นอย่างดีในช่วงแรกๆ ของหนัง ฉากแอคชั่นของหนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดี โดยในฉากแอคชั่นท้ายเรื่องถือว่าทำออกมาได้ดีมาก เท่มาก (ถึงจะมีบางฉากที่คิดในใจว่า แบบนี้ก็ได้หรอ ก็ตามเถอะ 555) หนังเรื่องนี้ทำให้เราเกาะติดอยู่กับมันได้แทบจะตลอดเวลา อาจไม่ได้มีจุดพีคสุดๆ แต่ก็ทำให้เราละสายตาจากมันไม่ได้เช่นกัน ถึงแม้ในด้านดนตรีประกอบจะไม่ได้โดดเด่นหรือช่วยเพิ่มอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ สักเท่าไหร่
ไม่แปลกใจเลยที่ได้ซูเปอร์สตาร์จากวงการภาพยนตร์โฆษณาอย่าง นิโคไล ฟูเอลซิก มากำกับ เพราะฉากหลายๆฉากออกแบบมาได้สวยงาม เท่ และแฝงความหมายเอาไว้ได้ดีมาก นั่นนับเป็นอีกส่วนที่ดีของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
ในด้านของนักแสดง แต่ละคนแสดงได้เป็นตัวเอง ประมาณว่าเราเดาได้ไม่ยากเลยว่าตัวละครตัวนี้จะออกมาในรูปแบบไหน อย่างพระเอกของเรา คริส แฮมสวอร์ธ ก็นั่นแหละ ก็เล่นเป็นแบบนั้น ถึงแม้จะเป็นพระเอก แต่ตัวผมกลับรู้สึกว่าไม่ได้โดดเด่นสักเท่าไหร่ ส่วน ไมเคิล พีน่า ก็คือ ไมเคิล พีน่า บทบาทของเขาก็อย่างที่เราเดากันได้ไม่ยาก เขาก็จะมาเป็นตัวสร้างเสียงหัวเราะในบางจังหวะ ซึ่งมันจะทำให้หนังไม่เครียดจนเกินไป ส่วนที่ผมชอบมากๆ เลยก็คือการแสดงของ ไมเคิล แชนนอน ต้องบอกว่า “น้อย แต่ทรงพลัง” ถึงบทบาทของเขาคนนี้จะไม่ได้มีบทพูดเท่ๆ ออกมาน้อยด้วยซ้ำ แต่มันกลับทำให้เรารู้สึกว่าตัวเขาเท่มาก บวกกับหน้าตาและเสียงพูดของเจ้าตัว จะมีอยู่ฉากหนึ่ง ไมเคิล แชนนอน เอาอยู่มาก และทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว แสดงให้เห็นถึงความเก๋าของเขา ผ่านทางการแสดง สีหน้า และคำพูด แต่ที่ขาดไม่ได้เลยแถมยังแสดงดีเกินคาดอีก เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่แย่งซีนคนอื่นๆ ได้เยอะเลย นั่นก็คือ นาวิด เนกาบาน ที่แสดงเป็นนายพลพันธมิตรทางเหนือของอเมริกาฯ ด้วยบทที่ช่วยส่งให้เขาดูเท่ ยียวน และกวนประสาท ซึ่ง นาวิด เนกาบาน ทำออกมาได้ดีมากๆ โดยรวมแล้วทุกคนก็แสดงออกมาเป็นธรรมชาติ และดูไหลลื่นเลยทีเดียว ถึงแม้จะแบ่งบทให้ความสำคัญของตัวละครทั้ง 12 คนได้ไม่ดีเท่าไหร่ก็ตาม
โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะสนุก ดูเพลิน ไม่น่าเบื่อ ทำให้เราติดตามหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง ถึงแม้จะมีจุดบกพร่องเล็กน้อยก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของหนังเรื่องนี้ลดลงแต่อย่างใด จัดเป็นหนังสงครามอีกเรื่องที่ควรดูเลยแหละ
ดูหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังใหม่
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ facebook 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *