รีวิว Wrath of Man คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก

 

Wrath of Man หนังที่เอาใจความเท่ และคุณจะหลงไหลอย่างแน่นอน วันนี้อยู่กับ คนเดิมอีกแล้ว แอดบี นั้นเองงงง วันนี้เราจะมี อะไรที่หน้าสนใจมารีวิว เนื้อเรื่องจะเป็นยังไงกับหนัง Wrath of Man คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก ไปอ่านรีวิวกันนเล้ยยย

เรื่องย่อ: เก็บความคลั่งแค้นมาแสนนาน ในที่สุดก็พร้อมสาดกระสุนล้างแค้น! เอช. ชายผู้เงียบขรึมและเต็มไปด้วยปริศนา เขาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยคุ้มกันบริษัทขนเงิน แต่แท้จริงแล้วเขามีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าไปแฝงตัวล้างแค้นบางอย่าง โดยฉายาของเขาเปรียบเหมือนยมทูตที่เหยื่อคนไหนพบเจอต้องไม่มีทางรอด
รีวิว Wrath of Man คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก
ถึงหนังจะรู้สึกอิ่มในความระห่ำคลั่งแค้นได้ไม่ต่างจากหนังรุ่นพี่ และแม้จะเป็นการรีเมกหนังฝรั่งเศสอย่าง ‘Le convoyeur’ (2004) ของ นิโคลัส บูครีฟ (Nicolas Boukhrief) ก็ตามที แต่ก็ต้องบอกว่ามาอยู่ในมือผู้กำกับสไตล์ชัดอย่าง กาย ริตชี (Guy Ritchie) ก็ทำให้หนังเท่ มีรสนิยมตามแบบริตชี เหมือนกับที่เราเคยคุ้นจากหนังก่อน ๆ หน้าอย่าง ‘Snatch’ (2000) หรือล่าสุดกับ ‘The Gentlemen’ (2019) ที่ดูแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ในแบบที่เราต้องจำได้ไม่น้อยเลย

รีวิว Wrath of Man คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก

รีวิว Wrath of Man คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก

อย่างน้อยที่สุดการตีีความใหม่ให้ตัวเอกเก่งเวอร์และดูมีลับลมคมใน ก็ดูน่าสนใจกว่าต้นฉบับฝรั่งเศสที่พระเอกเป็นคนธรรมดามีความหวาดกลัวในการเผชิญหน้ากับโจร เรียกว่าหงอเลยทีเดียว จนกระทั่งค่อย ๆ กล้าขึ้น และในหนังต้นฉบับก็ไม่ซ่อนปริศนาอะไรมาก เรียกว่าคนดูรู้ภูมิหลังรู้ไส้พุงตัวละครได้ตั้งแต่เริ่มเลย เป็นแนวดราม่าที่ผสมแอ็กชันแบบมีกลิ่นหนังสืบสวน แต่ใน ‘Wrath of Man’ นี่คือถูกโฉลกกว่ามาก ถึงจะไม่ฉูดฉาดเท่าหนังฮอลลีวูด แต่ก็เท่และดูสนุกอยู่ เป็นแนวแอ็กชันยอดคนผสมแนวปริศนาธริลเลอร์อีกที
หนังขาย เจสัน สเตแธม (Jason Statham) ตั้งแต่โปสเตอร์ที่ยืนหนึ่ง แถมในหนังยังฉายแสงให้เขาเด่นตลอดเรื่อง ในบทตัวนำเดี่ยวอย่างชัดเจน ต้องบอกว่าในแวดวงนักแสดงสายแอ็กชันยุคนี้ถ้าดูสมดุลระหว่างฉากบู๊กับฉากการถ่ายทอดอารมณ์ สเตแธมจัดเป็นนักแสดงคนโปรดคนหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะบทนิ่งขรึมที่ใช้สายตาสื่อเรื่องราวภายในนี่เขาเป็นชื่อแรก ๆ ที่จะนึกถึง ยิ่งต้องเป็นสายตาที่แฝงทั้งความเหี้ยมและความเศร้าลึก ๆ เช่นนี้ด้วยแล้ว เหมาะเหม็งจริง ๆ
รีวิว Wrath of Man คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก
เริ่มต้นเรื่องเราจะรู้จักกับเขาว่าเป็นเพียงชายคนหนึ่งที่มาสมัครงานพนักงานรักษาความปลอดภัยขับรถขนเงินที่โลกส่วนตัวสูง เขามีชื่อจริงแต่ถูกเพื่อนร่วมงานเรียกสั้น ๆ เพียง เอช (H) ซึ่งนอกจากนี้ก็ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก นอกจากเรื่องที่ว่าเขาฝีมือโคตรฉกาจในการจัดการพวกโจรอย่างเด็ดขาด จนเริ่มสงสัยว่ามันเป็นใครฟระ ซึ่งก็เช่นเดียวกับตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องเช่นกัน ก่อนที่หนังจะค่อย ๆ เผยให้รู้มากขึ้นว่าเขาเป็นใคร และทำไมต้องเจาะจงมาทำงานนี้
พอหนังมีความลับให้คนดูติดตามเป็นรสเสริม ทำให้ไม่รู้สึกเอียนกับรสชาติหลักที่เป็นหนังแอ็กชันเลย ความเท่อีกอย่างคือหนังจะแบ่งการนำเสนอเป็นองก์ต่าง ๆ โดยใช้ชื่อองก์ที่ดูน่างุนงงในตอนแรก มักเป็นประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยินในชีวิตประจำวัน แต่สุดท้ายกลับไปปรากฏอยู่ในบทสนทนาของตัวละครในองก์นั้น ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง แล้วแบบมาจังหวะจะโคนที่ดีมาก จนพอเรา อ๋อ แล้วขนลุกเลยว่าคนคิดเก่งจริง ๆ คือองก์หลัง ๆ เลยเหมือนเราก็สนุกกับการเฝ้ารอว่าชื่อองก์มันจะโผล่มาตอนไหนและโผล่มาอย่างไรด้วย
นอกจากนี้ด้านตัวแสดงหนังก็ยังมีการเล่นสนุกจากการเอาทั้งขวัญใจเด็กแนว โพสต์ มาโลน (Post Malone) รวมถึงรุ่นใหญ่อย่าง แอนดี การ์เซีย (Andy Garcia) มาแสดงรับเชิญ และตัวละครหลักอย่าง จอช ฮาร์ตเนตต์ (Josh Hartnett) เองก็จับมาเปลี่ยนบุคลิกเขาให้แนวกวน ๆ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจนเราสนุกไปด้วยได้ ต้องยอมรับในการหาเครื่องปรุงรสในหนังของริตชี่จริง ๆ เพราะแต่ละอย่างมันใส่มาแล้วบันเทิงมากทั้งในจอและนอกจอ
แน่นอนว่าเอกลักษณ์โดดเด่นในหนังของกาย ริชชี่ ก็คือแคสติ้งนักแสดงชายเป็นหลัก เรื่องนี้ก็เกือบจะเป็นหนังชายล้วนอีกแล้ว แต่ยังมีนักแสดงหญิงเข้ามาเสริมประปรายอยู่บ้าง ความกำยำและขึงขังของเหล่าชายหนุ่มที่เต็มไปทั้งเรื่อง ทำให้ภาพรวมของหนังก็ดูเข้มข้นและหนักแน่นตามไปด้วย แม้ว่าเอาเข้าจริงๆ การใส่ใจในรายละเอียดของแต่ละตัวละครในหนังเรื่องนี้นั้น เป็นจุดด้อยที่สุดของหนัง เพราะคาแรกเตอร์ที่เยอะไป สร้างมิติให้ได้ไม่หมด จึงออกมาในรูปแบบตื้นเขินไปเกือบทั้งหมด ดูหนังฟรี
เจสัน สเตธัม ก็คือมายืนหนึ่งในฐานะนักแสดงนำ และเขาก็กลายเป็นตัวละครที่ถูกใส่มิติเข้ามามากมายเพียงคนเดียว มีปม มีแนวคิด ที่คนดูต้องสงสัยอยู่เรื่อยๆ ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ทุกอย่างค่อยๆ ถูกคลี่คลายออกมาตามการเล่าเรื่องที่เผยออกมาทีละน้อยๆ การแสดงของเจสันก็ไปตามมาตรฐานของเขา ในบทสุขุมๆ หน่อย โชว์สกิลโหดบ้าง ก็ถือว่าเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่ได้ใหม่สำหรับเขา แต่ก็สามารถประคองทั้งเรื่องไปได้อยู่

ความรู้สึกหลังดูจบ

ในขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่นๆ อย่าง “ฮอลท์ แม็กคัลลานีย์”, “ร็อกชี วิเลียมส์”, “เจฟรีย์ โดโนแวน” หรือ “สก็อตต์ อีสต์วูด” ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าตื่นตาเท่าไหร่ พวกเขาก็เล่นตามบทได้ตามมาตรฐานดี เพราะหนังไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการขยี้คาแรกเตอร์เชิงลึกๆ ของพวกเขาได้ แต่อีกคนที่เดี๋ยวโผล่มา ก็คือ “จอช ฮาร์ต์เนตต์” ที่มาในตัวละครที่แอบขโมยซีนหน่อยๆ ยิ่งได้ยินมาว่าเขาต้องมาเข้าฉากเล่นหนังเรื่องนี้ด้วยการด้นสดๆ บทไม่มีด้วย ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ในตัวละครนี้เข้าไปใหญ่ มันเป็นการแสดงที่ขาดๆ ล้นๆ ที่ออกเหมาะเจาะพอดี นี่แหละ…มืออาชีพ
อันที่จริงแล้ว Wrath of Man เป็นหนังที่รีเมคสร้างมาจากหนังดังฝรั่งเศส เมื่อปี 2004 อย่าง Cash Truck แต่ก็นำเอาเรื่องราวมาดัดแปลงใหม่ค่อนข้างต่างไปประมาณหนึ่งอยู่ โดยที่บทหนังได้สร้างชั้นเชิงให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น การเล่าเรื่องเหมือนจะเนิบๆ แต่กลับไม่ช้าจนเกินไป การสลับเล่ามุมมองต่างๆ ของหลายตัวละครก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนดูรู้สึกเคลียร์ได้ดี แม้ว่าโดยภาพรวมก็ยังไม่ใช่หนังที่บทดีเลิศอะไร แต่ก็ช่วยกระตุ้นเพิ่มความสนุกได้ดีระดับหนึ่ง
เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้ว Wrath of Man ก็จัดเป็นหนังตรงตามมาตรฐานของ กาย ริชชี่ มีลายเส้นของริชชี่อยู่เด่นชัด และการร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 4 กับ เจสัน ก็ไม่ได้ทำให้ดูน่าเบื่อเลย (และต้นปีหน้าพวกเขาก็จะมีหนังใหม่ด้วยกันอีก) ตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงของหนังปล่อยให้คนดูได้ลุ้นและติดตามสถานการณ์ต่างๆ ผ่านตัวละคร เป็นหนังแอคชั่นที่สร้างออกมาตามแนววิถีกระสุนแบบเดิมๆ ลูกเล่นซ้ำๆ แต่กลับยังสร้างอรรถรสให้ผู้ชมได้เต็มแม็กซ์อยู่ ก็เพราะนี่คือหนังของผู้กำกับ กาย ริชชี่ ยังไงละ
โดยสรุปนี่คือหนัง ‘Taken’ หนัง ‘John Wick’ ในแบบที่ถูกเอามาปรุงด้วยเชฟเปิบพิสดารในภัตตาคารหรูที่ต้องใส่สูทเข้ารับประทาน ที่ชื่อ กาย ริตชี นั่นเอง ชอบเลย และแน่นอนอยากชมเสียงลูกปืนแน่น ๆ มัน ๆ แนะนำต้องชมในโรงภาพยนตร์เลย ที่สำคัญถ้าชอบอยากให้มีภาคต่อก็ต้องไปเชียร์ในโรงเท่านั้นล่ะนะ
เราอาจนึกภาพของหนังแอคชันที่ เจสัน สเตทแธม แสดงนำได้จนติดตา เรื่องราวส่วนใหญ่อาจเดินไปเส้นตรงเส้นเดียวและตรงไปตรงมา แต่กับหนังเรื่องนี้ กาย ริทชี่ เลือกจะเล่าให้มีชั้นเชิงขึ้นมา เริ่มแรก เราอาจจะพบเจอกับเหตุการณ์หนึ่งที่ชวนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภารกิจหนหนึ่งของรถขนเงินที่ถูกดักปล้นไป เหตุที่เกิดถูกบังคับด้วยมุมกล้องมุมเดียว และได้ยินเพียงเสียงของเหตุการณ์
จากนั้น เขาหันไปเริ่มเล่าเรื่องของ ชายผู้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกคนใหม่ของกิจการขนเงิน ฟอร์ติโก้ ซีเคียวริตี้
ชายอังกฤษผู้ที่เป็นเด็กใหม่ในองค์กรนี้ ได้รับชื่อแนวฉายาที่ถูกเรียกกันภายในว่า ‘เอช’ เขาสอบผ่านด้วยคะแนนเฉียดฉิว แต่แค่การปฏิบัติงานหนแรกก็กินขาด นี่มันไม่ใช่มือธรรมดาแต่เป็นมือระดับพระกาฬ ทั้งเพื่อนร่วมงานและคนดูคงงุนงงสงสัยกันใหญ่ หมอนี่เป็นใครกันแน่ ก่อนหนังจะเริ่มเฉลย
ทุกอย่างไม่ได้ดูเข้าใจยากจนเกินไปนัก อะไรที่สงสัย กาย ริทชี่ก็จะค่อยๆ ใส่เข้ามาให้กระจ่างเมื่อถึงเวลา
เอช ชายผู้สูญเสียลูกชายไป เหมือนคนที่เสียสิ่งที่เขารักที่สุดสิ่งเดียวที่เขามีในชีวิตไป เขาก็พร้อมจะแลกทุกสิ่งเพื่อค้นหาและเอาคืนอย่างหมดหน้าตัก แม้แต่การหลบซ่อนตัวตนที่แท้จริง แทรกซึมเข้าไปเป็นคนใน และคอยจังหวะเวลาที่พอเหมาะพอเจาะจัดการขั้นเด็ดขาด แม้จะต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตก็ตาม
สำหรับคนชอบฉากบู๊ หนังก็มีอยู่มากพอประมาณในองก์สุดท้าย
อาจจะไม่ได้ถึงกับมีชั้นเชิงสูงมากในการเล่าเรื่อง แต่ก็ถือว่า ทำได้ดีตรงที่ไม่ชวนให้ตรงกลางเรื่องดูหย่อนเกินไป อย่างน้อยก็ทำให้เรื่องราวดูมีอะไรให้น่าติดตาม
แต่จุดที่นายแพทชื่นชมและชื่นชอบ ก็เห็นจะเป็นดนตรีประกอบที่ส่งเสริมให้หนังดูน่าตื่นเต้นได้เป็นอย่างดี อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการถ่ายทำฉากแอคชันที่ทำได้สนุกตื่นตาพอสมควร กับวิธีการเล่าของหนังอีกประมาณนึง
จุดเด่น
เจสัน สเตแธม รับบทตัวละครปริศนาที่เงียบขรึมแต่โคตรเก่ง ถ่ายทอดทั้งความเศร้าและความแค้นได้อยู่หมัด ยิ่งดูยิ่งอินยิ่งเชียร์ แถมผู้กำกับกาย ริตชีเองก็ลูกเล่นการนำเสนอแพรวพราว เชียร์อยากให้มีภาคต่อของนาย เอช เลย
จุดสังเกต
มีบางตัวละครที่ใช้เหมือนไม่ค่อยคุ้มอยู่บ้าง วิธีการเล่าแบบมีสไตล์สูงก็อาจไม่ถูกจริตบางคนเหมือนกัน
ดูหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังใหม่
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ facebook 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *