รีวิวหนัง Avatar2 เชื่อว่าหลายคนคงตั้งใจรอคอยที่จะดูหนังภาคต่องของหนังเรื่องที่ผมจะเอามารีวิวแน่นนอนเพราะผมเองก็คือหนึ่งในนั้นที่เฝ้ารอดู อวตารภาค 2 มาเป็นดเวลา 13ปีงานนี้รับสนุกแน่นอนเพราะหนึ่งเรื่องนี้ใช้เวลาถึง3ชั่วโมงให้เราได้ดูกัน ใน หนัง อวตาร ภาค 2 เราจะได้เห็นฉากที่สวยงามไม่แพ้ภาคแรกแน่นอน ถ้าไม่อยากพลาดไปชมกันได้ที่ ดูAvatar2 กันได้เลยครับ
ถ้าได้ยินชื่อชายคนนี้ในหนังไซไฟแฟนตาซีรับรองไม่ผิดหวัง สำหรับผู้กำกับฝีมือดี เจมส์ คาเมรอน ที่มีผลงานการันตีความสนุกอลังการมาไม่น้อยเช่น Titanic, True Lies, The Abyss, Aliens และ The Terminater กับไอเดียสุดบรรเจิดที่รอคอยการมาถึงของเทคโนโลยีที่พร้อม หลังภาคแรกที่สร้างทั้งกระแสตอบรับอันล้นหลามและเสียงวิจารณ์ด้านบวก ทั้งการกลับมาฉายโกยรายได้ประวัติศาสตร์ ก่อนการมาถึงของภาคต่อของหนังที่ถูกไว้เป็น 5 ภาคด้วยกัน
เรื่องย่อ Avatar2 สายน้ำสุดอลังการ
เรื่องย่อ อวตาร 2 มันเป็นเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วซึ้งเกิดขึ้นหลังจากที่ พระเอกของเราทหารพิการขาทั้ง2ข้าง ได้เข้าไปแทรกตัวเื่อที่จะยึดทรัพยากรของดาวแพนดอร่าอันไกลโพ้น เจค ซัลลี่ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชนชาวเผ่านาวีตัวสีน้ำเงิน เขาพบรักกับ เนย์ทีรี่ ลูกสาวหัวหน้าเผ่า หลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกนาวีป่า เจคก็ได้เรียนรู้วิถีแห่งนาวีและร่วมต่อสู้กับเหล่ามนุษย์เผ่าพันธุ์ที่ตนกำเนิดมา และได้อยู่กินร่วมกันท่ามกลางชาวนาวีอย่างสงบสุข
เมื่อเวลาผ่านไปถึง14ปี มนุษย์ก็ได้กลับมายังดาวแพนดอร่าอีกครั้ง จนทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจที่จะย้ายหนีออกจากเผ่าโอมาติกายา สู่ผืนน้ำทะเลท่ามกลางชนเผ่าเมตคายีนา เจคจำต้องปกป้องครอบครัวที่เป็นดั่งป้อมปราการของเขาไว้อีกครั้ง
เรียกได้ว่าตัวอย่างหนังเล่าเอาไว้น้อยมาก เหมือนต้องการจะปิดบังเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้ ใส่ช็อตที่ไม่ได้บอกอะไรมากเท่ากับการเผยให้เห็นการเดินทางครั้งใหม่ของครอบครัวซัลลี่ที่ย้ายลงทะเล กับการทำทุกสิ่งเพื่อครอบครัว แต่เมื่อเข้าไปดูเองก็จะพบเรื่องราวที่มากกว่านั้นอยู่เพียบเลย สามารถไปชมกันต่อได้ที่ ดูAvatar2 กันได้
ตัวละครมาใหม่เพียบให้ติดตาม
ความน่าสนใจของหนังเรื่อง Avatar 2 Pantip มีมากมายหลายอย่าง นอกเหนือไปจากงานภาพที่โชว์ความเหนือชั้นของเทคโนโลยีในการสร้างการเคลื่อนไหวของน้ำทะเลที่เหมือนจริงจนน่าตกใจ และการถ่ายทำใต้น้ำกันจริงๆ โดยผู้แสดงต้องกลั้นหายใจใต้น้ำพร้อมฟรีไดฟ์ได้นาน ก็นับว่าน่าทึ่งพอดูแล้ว แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังเขียนบทเพื่อนำตัวละครในภาคแรกกลับมาได้อีก ทำให้ทั้ง Sigourney Weaver และ Stephen Lang ยังคงได้โอกาสในการถ่ายทอดบทบาทของตัวละครสำคัญในเรื่องอีกครั้ง โดยเฉพาะซิเกอร์นีย์ ตัวละครของเธอมีความพิเศษและน่าจดจำยิ่ง
งานนี้มีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาเพียบจนจำแทบไม่หมด ไม่ว่าจะเหล่าลูกๆ ของเจคและเนย์ทีรี่ ทั้ง Jamie Flatters, Britain Dalton และ Trinity Jo-Li Bliss นอกจากนี้ก็ยังมีมนุษย์คนเดียวที่เกิดและเติบโตบนดาวแพนดาร่าอย่าง สไปเดอร์ ที่เล่นโดย Jack Champion หรือตัวละครโรนาลที่เล่นโดย Kate Winslet
เป็นปกติของหนังฝีมือคาเมรอนที่มักจะเล่าเรื่องให้ย่อยง่ายแม้ในภาคนี้จะมีประเด็นยิบย่อยปรากฏอยู่มากมายกว่าภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด เนื้อในของหนังเต็มไปด้วยพล็อตรองที่หยิบเอามาแทรกใส่ไว้ในช่วงเวลาที่ภัยคุกคามยังมาไม่ถึง หนังเล่าประเด็นนั้นประเด็นนี้จนเพลิน ระหว่างนั้นก็พาคนดูว่ายน้ำไปมาด้วยมุมมองภาพที่เหมือนพาเราเข้าไปว่ายดำน้ำดูปะการังพร้อมๆ กับพวกเขา ติดตามต่อได้ที่ รีวิวหนังฝรั่ง
ภาพสวยกับเรื่องราวยาวนาน
หนัง Avatar รีวิว Pantip ครั้งนนี้พวกเขามีความใส่ใจในรายละเอียด แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยก็ไทม่มองข้าม ผมชอบที่เขาบอกให้เรารู้ว่าชาวนาวีไม่ได้มีเฉดสีเดียว ชาวนาวีเผ่าน้ำมีร่างกายสีฟ้าคราม แขนที่แบนกว่า หางที่คล้ายครีบมากกว่า เหมาะกับการว่ายและดำน้ำมากกว่า ก็เหมือนกับที่เป็นไปในโลกมนุษย์ แม้เราเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกัน ทว่าก็แตกต่างไปบ้างในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกจนทำให้เกิดมุมมองของการแบ่งแยก
อีกอย่างก็คือ หนังเต็มไปด้วยไอเดียการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ของยุทโธปกรณ์สุดเท่อย่าง เรือปีศาจหน้าตาน่าเกรงขาม ยานดำน้ำที่ใช้สู้รบได้ แต่ละอย่างอ้างอิงลักษณะของสัตว์น้ำทั้งสิ้น ขณะที่สัตว์ทะเลต่างๆ ก็ออกแบบมาได้อย่างบรรเจิด แต่ละตัว คนดูสามารถจะรู้สึกอ้างอิงกับสัตว์ทะเลบนโลกได้
หลักใหญ่ของอวตารภาคนี้คงมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้เพื่อครอบครัวของเจค ซัลลี่ ทางเลือกของเขามีไม่มากนัก แต่ขณะเดียวกัน การเลี้ยงดูลูกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายของชายชาติทหาร ความที่เขามีลูกหลายคน แต่ละคนก็จะมีบุคลิกส่วนตัวและพบเจอปัญหาที่แตกต่าง สร้างประเด็นที่ทำให้คนดูรู้สึกอิน ประเด็นเหล่านั้นจับต้องได้ง่าย บทพูดที่กระทบใจได้ง่าย หลายฉากพาอินน้ำตาไหลไม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ครั้งนี้พวกเขาใช้เวลาในการเล่าเรื่องยาวมากถึง 192 นาที อาจดูเป็นหนังที่ยาวไปสักนิด แต่ด้วยงานวิชวลที่ตระการตา พาท่องโลกใต้น้ำของแพนดอร่า เรื่องราวที่มุ่งเน้นเรื่องครอบครัว พร้อมกับช่วงท้ายไคลแมกซ์ที่ทำได้ลุ้นสุดตัวเช่นเคย ทำให้มันยังคงเป็นหนังที่สุดบันเทิงและจำเป็นต้องดูในโรงเพื่อบรรยากาศที่ครบถ้วนตามความตั้งใจของผู้สร้างผู้กำกับ ไปชมกันได้ที่รีวิวหนังฝรั่งน่าดู
Avatar2 เอฟเฟคแฟนตาซีอลังการ
หนัง อวตาร 2 พากย์-ไทย เต็ม-เรื่อง สิ่งที่หลายๆคนชื่นชอบก็คงหนีไม่พ้น แนวความคิดของชายที่ชื่อว่า เจมส์ คาเมรอน นั่นแหละครับ เพราะว่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การผลักดันเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพสามมิติในภาคนี้นั้นไปไกลกว่าภาคแรก และไกลกว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ไปไกลมาก
โดยเฉพาะงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่เรียกว่าหาจุดโป๊ะได้ยากจริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่เหมือนจริง แต่มันสมจริงสุด ๆ ในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ผืนน้ำ สัตว์ใต้น้ำ ปะการัง พืชทะเล ที่สวยตื่นตาตั้งแต่ช็อตแรกจนถึงช็อตสุดท้าย ทั้งการทำ Motion Capture ใต้น้ำที่ทำให้ชาวนาวีสามารถดำดิ่งในน้ำได้อย่างเป็นธรรมชาติและพลิ้วไหวอย่างกับไปถ่ายทำในทะเลจริง ๆ อย่างไรอย่างนั้น
รวมทั้งการถ่ายทำด้วยเทคโนโลยี High Frame Rate HFR ที่ในหนังจะใช้เฟรมเรต 2 แบบสลับกันไปนะครับ คือในฉากที่แอ็กทีฟเยอะ ๆ อย่างเช่นฉากแอ็กชัน ฉากบิน ฉากวิ่ง ก็จะใช้ Frame Rate ที่ 48 เฟรมต่อวินาที ส่วนฉากอื่น ๆ ก็จะกลับมาใช้ 24 เฟรมตามปกติ เพื่อให้ยังคงอารมณ์ความเป็น Cinematic ของหนัง
ซึ่งอาจจะทำให้ความลื่นของภาพดูไม่สม่ำเสมอบ้าง แต่ในแง่ฟังก์ชันก็ถือว่าได้ผลและไม่ได้ถือว่าน่ารำคาญตารำคาญใจอะไร ยิ่งถ้าดูในระบบสามมิติจะยิ่งเห็นความแตกต่างเลยครับว่ามันไม่ใช่แค่ภาพเด้งป๊อปอัปเฉย ๆ แต่มันมีความลึก ความโค้งนูน ความคม สีสันที่สมจริงซะจนบางทีผู้เขียนยังแอบสะดุ้ง โดยเฉพาะซีนที่เป็น 48 เฟรมนี่คือลื่นหูตาแตกไปเลย ถ้าไม่อยากพลาดไปดูกันได้ที่ รีวิวหนังน่าสนใจ
ปกป้องครอบครัวจากการบุกทำลายของมนุษย์
ส่วนเรื่องราวในภาคนี้หนัง อวตาร 2 วิถีแห่ง สายน้ำ ก็ยังคงยึดแนวทางมาจากหนังในภาคก่อนหน้านี้ นั่นก็คือการวางตามแบบฉบับหนังบล็อกบัสเตอร์ดี ๆ เรื่องหนึ่ง ที่มีครบทุกอารมณ์ ทั้งความน่ารัก ความตื่นตาตี่นใจ มีอารมณ์ขันแทรกเล็ก ๆ มีจังหวะเขย่าขวัญหน่อย ๆ มีประเด็นดราม่าขัดแย้งครอบครัว สังคม อุดมการณ์ และปิดจบที่งานแอ็กชันสุดมันที่ใส่มาจัดเต็มแบบยาว ๆ ทั้งหมดนี้ห่อหุ้มด้วยเนื้อเรื่องและพล็อตแนวหนังครอบครัว ที่ห่อหุ้มอยู่ในแพ็กเกจหนังไซไฟแฟนตาซีอีกที
โดยเฉพาะการโฟกัสไปที่ดราม่าครอบครัวที่มาครบเลย ทั้งความรู้สึกแปลกแยก ความรู้สึกรักลูกไม่เท่ากัน การเอาลูกเขามาเลี้ยงเหมือนเอาเมี่ยงเขามาอม การเป็นคนแปลกหน้าในที่แปลกถิ่น มุมมองความรักของพ่อแม่และลูกที่แตกต่างกัน แต่ล้วนแล้วทำไปด้วยเจตนาห่วงใย ฯลฯ ทำให้หนังในภาคนี้ก็ยังคงมีเนื้อเรื่องที่ไม่ซับซ้อน และเอาจริง ๆ ก็พอจะเดาเนื้อเรื่องออกได้แบบง่าย ๆ เลย แต่มันก็มีประโยชน์ในแง่ของการให้ความบันเทิงแบบครบรส ดูได้ทั้งครอบครัวที่ไม่จำเป็นต้องห่อหุ้มด้วยพล็อตไฮคอนเซปต์จัด ๆ หรือหักมุมพลิกหลายตลบ รีวิวหนังดี
แต่แม้ว่ามันจะเป็นหนังที่บันเทิงจ๋า ๆ แค่ไหน แต่จริง ๆ ก็ยังมีจุดที่เนือย ๆ อยู่ ด้วยความยาวมากกว่า 3 ชั่วโมง 12 นาที ส่วนตัวผู้เขียนเองยอมรับว่าเกิดอาการเหมือนหลุดจากหนังไปชั่วครู่ใหญ่ ๆ เลยครับ โดยเฉพาะตอนที่หนังโชว์ฉากใหญ่ ๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนว่ากำลังดูสัตว์น้ำในอะควาเรียม และบางช่วงก็ดูคล้ายกับช็อตในสารคดีสัตว์ทะเลอยู่เหมือนกัน ถ้าเอาแง่ดีก็คือ มันเหมือนจริงขั้นสุดแบบ Hyper-Realistic คือเหมือนจริงจนกลายเป็นของจริงไปแล้ว
แต่พอมันเป็นหนัง ก็ถือว่ากราฟความสนุกเกิดอาการตกท้องช้างอยู่พอสมควรเหมือนกันนะ ยังดีที่งานภาพที่สวยเนียนเพลินตายังพอช่วยให้ไม่รู้สึกเนือยเบื่อจนชวนให้ทอดถอนใจ และส่วนตัวผู้เขียนแอบเสียดายนิด ๆ ที่ได้เห็นพิธีกรรมหรือ Know-How ของชาวเผ่าในแบบที่เคยได้เห็นในภาคแรกน้อยไปสักนิด ทั้งที่มีเวลาเหลือเฟือขนาดนั้น