รีวิว BLEACH เทพมรณะ
รีวิวหนังฝรั่ง และ หนังญี่ปุ่น แน่นอนว่าวันนี้ก็ไม่พลาด กับ หนังที่ทำมาจากอนิเมะชื่อดัง และ ยอดฮิต อย่าง BLEACH เทพเพราะมรณะ ด้วยความที่แอดติดตามและ รอเรื่องนี้มานานมากก แอดถือว่าพอใจอยู่ แต่ยังไม่เต็มที่เท่าใด เพราะเนื้อเรื่องบางอย่าง ยังไม่สมบูรณ์ จะเป็นยังไง ไปดูกันเลยย
รีวิว หนัง BLEACH เทพมรณะ Live Action เป็น1ในการ์ตูนที่แอดตั้งตารอคอยมากๆอีกเรื่องหนึ่ง เนื่องด้วยเป็นแฟนมังงะตัวยง ที่แม้ว่าช่วงท้ายๆมังงะBleachเนื้อเรื่องจะโดนตัดจบไปแบบ [ อิหยังวะ ] แต่แอดก็เฝ้ารอว่าจะมีภาค2เพราะมันยังคาใจอยู่ [ ส่วนอนิเมะแอดก็รอภาคสงครามเลือดพันปีอยู่นะ ] แต่รีวิวนี้เป็นการรีวิวแบบไม่นำไปเปรีบบเทียบกับมังงะละกันนะ
Bleach ภาคคนแสดงนี้ เปิดเรื่องมาแบบให้ความเคารพต้นฉบับมากๆ แต่ละฉาก เหมือนกำลังนั่งอ่านมังงะเล่มแรกเลยละนะ แต่ในส่วน ของรายละเอียดการ ดำเนิน เรื่องนั้น แตกต่างออกไป มากเลย ครับ ก็เพื่อจะให้เข้ากับเวลาและไม่ให้ผู้ชมที่เคยอ่านมังงะมาแล้วเดาทางได้ง่ายละนะ และอาจจะไม่อยากให้รู้สึกจำเจก็ว่าได้ครับ
คุโรซากิ อิจิโกะ เด็กหนุ่มนักเรียน ม.ปลาย ผู้สามารถมองเห็นวิญญาณได้ แล้วจู่ๆวันหนึ่งเขาก็บังเอิญได้พบกับยมทูตสาวนาม คุจิกิ ลูเคีย ที่ได้รับภารกิจให้มาตามล่าฮอลโลว์ แกรนด์ ฟิชเชอร์ ซึ่งมันแข็งแกร่งมากๆ และมันลอยนวลคอยกินวิญญาณของมนุษย์มามากว่า 54 ปีแล้ว ในขณะที่เธอกำลังตามล่าวิญญาณร้าย
และเธอก็พลาดท่าให้กับฮอลโลว์ตัวนั้น ด้วยสถานการณ์บีบบังคับทำให้เธอต้องมอบพลังยมทูต ให้แก่อิจิโกะเพื่อสังหารวิญญาณร้าย แต่ความยุ่งยากเกิดตามมาหลังจากนั้น เพราะลูเคียไม่สามารถนำพลังกลับมาได้ เธอจึงจำเป็นต้องฝึกอิจิโกะเพื่อฆ่าวิญญาณร้ายแทนเธอก่อนที่ยมโลก [ โซลโซไซตี้ ] จะรู้ว่าเธอเสียพลังยมทูตไป แล้วจะส่งยมทูตและผู้คุมกฎมาฆ่าทั้งเธอและอิจิโกะ [ ตามมังงะเปะๆ ] เว็บดูหนัง
นี่คือหนังที่เน็ตฟลิกซ์ที่ทำมาจากมังงะชื่อดัง และมีแฟนๆเฝ้ารอคอยมากที่สุดเรื่องหนึ่ง [ รวมทั้งแอดด้วย ] ซึ่งในบ้านเราเคยตีพิมพ์เป็นฉบับแปลไทยในชื่อ บลีชเทพมรณะ โดยเนชั่นกรุ๊ปมาแล้ว [ แอคนี้แฟนพันธ์แท้เลยละ ] คือใครจะว่าไงไม่รู้นะแต่ส่วนตัวแอดมองว่าเขาทำ Live Action ออกมาได้เข้าใจความเป็นมังงะจริงๆ และการแปลงเป็นหนังที่ออกมาได้เก่งจริงๆก็ว่าได้
และพอมาเป็น Live Action จะไม่พูดถึงการแคสติ้งตัวละครก็คงจะไม่ได้ ความรู้สึกส่วนตัวนะ แอดมองการเลือกนักแสดงมาดีมากๆ แต่อาจจะขัดใจด้วยภาพติดตามาจากมังงะนิดหน่อย แบบว่ามันติดตาย้ำว่าติดจริงๆ ก็จะมี ลูเคีย เบียคุยะนี้ละ [ ในมังงะเบียคุยะอย่างหล่อ และลูเคียก็ดูห่ามๆ ] นอกนั้นถือว่าโอเคครับ โอริฮิเมะ นี่ก็ดูดีนะ [ แต่เสียดายไม่บึ้มเหมือนในมังงะ ] และคุณแม่อิจิโกะอย่าง มาซากิ ก็สวยเหมือนในมังงะเลยละครับ เว็บดูหนังฟรี
รีวิว BLEACH เทพมรณะ ส่วนที่ชอบ
อีกส่วนคือการออกแบบงานต่อสู้ที่ได้ดูดุดันรุนแรงดี ไม่ว่าจะเป็นการเตะต่อยทั่วไปจนถึงงานร่วมกับซีจี ซึ่งเป็นอะไรที่หนังทำได้ดีมากๆ อาจจะมีส่วนที่ต้องติบ้างตามที่เล่ามา คือหนังเล่าเรื่องเยอะไปนิด ทำให้อารมณ์มันไม่พุ่งไปถึงที่สุด และพื้นฐานการเล่ามันก็เดาได้ทั้งเรื่องล่ะเพราะมาตามแบบมังงะเป๊ะ แถมมันเป็นมังงะสายลูกผู้ชายที่สูตรตายตัวโคตรๆ แทบไม่มีอะไรต้องลุ้นเลย แต่ถ้ามองในแง่หนังจากมังงะนี่คือทำได้ดีตามมาตรฐาน ไม่มีอะไรให้ก่นด่าเลยครับ
ใช่ครับ สนุกมากไม่ได้เวอร์หรืออวย ก็แน่นอนติดตามมังงะมาเป็น10ปี ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลย หนังสร้างมาจากมังงะ ย่อมมีกลิ่นการดำเนินเรื่องแบบมังงะสูง ถ้าเป็นคนที่รู้จักมาก่อนก็คงไม่เป็นไร แต่คนที่ไม่เคยดูนี่ คงต้องสงใสบ่อยๆแน่ ว่าคนนี่เป็นใคร เผ่าแบบนี้คืออะไร ที่ไหนคือที่ไหน ฯลฯ หนังโฟกัสไปที่ตัวเอกกับปัญหาที่ต้องเจอ ทำให้หนังดูไม่เร่งและดูง่าย ไม่ต้องพะวงกับตัวละครอื่นๆ แค่เอาใจช่วยพระเอกของเรื่องให้ผ่านพ้นอุปสรรคและเงื่อนไขต่างๆ
พูดถึงสิ่งที่ชอบกันบ้าง คงหนีไม่พ้นฉากแอคชัน อลังการบู๊บุ๊นสะใจ โดยเฉพาะอิจิโกะกับยมทูต [ อาบาไร เรนจิ ] ฉากนี้น่าจะชอบเหมือนแอด ดาบนี่หมุนกันอุดตะลุด ส่วนซีจีปิศาจ [ ฮอลโลว์ ] ก็สวยเลยนะ มีลอยบ้างเล็กน้อยแบบเล็กน้อยจริงๆ สุดท้ายที่ชอบอีกอย่าง คือสิ่งที่หนังกำลังสื่อสารกับผู้ชม เรามองถึงประเด็น การปกป้องคนที่เรารักนะ ไปหาชมกันได้แล้ว รับรองซึ้งกินใจแน่นอน และมันสะใจจริงๆ
ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้ อาจมีบางคนมองว่าเป็นเพียงภาคแรกที่ใช้ปูไปสู่ภาคต่อไป [ เราอาจได้เห็น13 หน่วยพิทักษ์ก็ได้ ] แต่แอดมองว่าเรื่องนี้สนุกและลงตัวมากๆ มีประเด็นให้ถกต่อได้ โดยรวมจึงดีและควรดู [ คือดูจบแล้วอยากเห็นอิจิโกะ ใช้บังไคเลยละ ] สนุกและสุดจริงๆติดตามได้แล้ว บน Netflix
นี่คือหนังช่องเน็ตฟลิกซ์ที่ทำมาจากมังงะชื่อดัง และมีแฟน ๆ เฝ้ารอคอยมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งในบ้านเราเคยตีพิมพ์ฉบับแปลไทยในชื่อ บลีชเทพมรณะ โดยเนชั่นกรุ๊ปมาแล้ว สำหรับการแปลงเป็นหนังครั้งนี้ได้ ซาโต้ ชินสุเกะ ผู้กำกับที่ช่วงหลังท็อปฟอร์มกับการดัดแปลงมังงะฉบับคนแสดงหลายต่อหลายเรื่อง อย่างเช่น Gantz (2010) I Am a Hero (2015) และล่าสุดที่เพิ่งลงโรงในบ้านเราไปอย่าง Inuyashiki (2018) คือใครจะว่าไงไม่รู้นะแต่ส่วนตัวผมมองว่าเขาเป็นผู้กำกับที่เข้าใจความเป็นมังงะ และการแปลงเป็นหนัง ที่เก่งที่สุดในยุคนี้แล้วล่ะ
อย่างน้อยงานเขาก็ไม่ล้นจนเหมือนดูคนบ้าแบบหนังจากมังงะของผู้กำกับ ทาคาชิ มิอิเกะ น่ะ ซึ่งบางเรื่องมิอิเกะแกก็ดีนะ อย่าง Blade of the Immortal (2017) ที่ลงช่องเน็ตฟลิกซ์เหมือนกันนี่ก็ใช้ได้เลย แต่พอไม่ใช่แนวซามูไรที่แกถนัดนี่เละตุ้มเป๊ะจริง ๆ ทั้ง Terra Formars (2016) ทั้ง JoJo’s Bizarre Adventure: Diamond Is Unbreakable – Chapter 1 (2017) เอาเป็นว่าในสายตาผม ชินสุเกะ คือลงตัวแล้วกับงานกำกับมังงะ ดูหนังฟรี
บทบาทของตัวละคร
ด้านบทก็ได้ ฮาบาระ ไดสุเกะ ที่เคยเขียนบทหนังรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นอย่าง Hula Girls (2006) มาแล้ว ฝั่งหนังจากมังงะเขาก็ยังเคยเขียนบทให้ทั้ง The Prince of Tennis (2006) และ Kitaro (2007) มาแล้ว ก็เชื่อขนมกินได้ระดับหนึ่งว่าไม่ง้องแง้งแน่นอน และพอดูจริงก็ยอมรับว่าคนเขียนบทและผู้กำกับตัดสินใจได้พอดีกับการตัดมังงะความยาวกว่า 74 เล่มจบ
เอามาเล่าแค่ช่วงต้นที่พระเอกเพิ่งรู้จักยมทูตเพราะจะยังไม่ซับซ้อนมากเกินไป คนไม่รู้จักมังงะมาก่อนก็จะยังดูได้สนุกอยู่ระดับหนึ่ง แต่ก็คิดว่าหนังควรจะกล้าตัดตัวละครบางตัวออกไปก่อนเพื่อไม่ให้คนดูสับสนเช่นกันโดยเฉพาะ อิชิดะ อุริว นี่ยิ่งไม่ควรใส่มาเลย เพราะจะขยายความเรื่องเผ่าพันธุ์ศัตรูยมทูตให้งงไปกันใหญ่ทั้งยังไม่มีบทบาทมากนักในช่วงต้นด้วย แต่ถ้ามองว่าทีมสร้างคาดหวังให้มีภาคต่อนี้ก็พอเข้าใจได้
แต่พอพะวงกับการจะทิ้งไว้เล่าต่อ มันก็ทำให้หนังทั้งเรื่องกลายเป็นแค่อินโทรไปทันที
และนั่นคงเป็นข้อเสียใหญ่เลย ที่ทำให้การเล่าของหนังยังไม่เข้มข้นเท่าที่ควร แม้ขนาดว่า 40 – 50 นาทีหลัง หรือคือเกือบครึ่งเรื่องหลังของหนังจะอัดเต็มไปด้วยแอ็กชั่นต่อกันรัว ๆ ก็ตามที แต่เพราะคนที่ไม่รู้จักมังงะมาก่อนต้องมานั่งจำฝักฝ่ายต่าง ๆ มากมายทั้งมนุษย์ฝั่งพระเอก มนุษย์ฝั่งศัตรูกับยมทูต ยมทูตฝั่งพระเอก ยมทูตฝั่งผู้คุมกฏ วิญญาณฝั่งดี วิญญาณฝั่งร้าย โอยยยย มันก็ทำให้ดูลื่นเพลิดเพลินได้ยากไปนิดล่ะนะ แต่ถามว่าคอมังงะจะรู้สึกยังไง วัดจากส่วนตัวนี่คือชอบเลย เพราะได้เห็นตัวละครจากมังงะตัวนั้นตัวนี้มาเยอะเลย แถมการแคสติ้งก็สมเหตุสมผลไม่ดูตลกแบบบางเรื่องเลย
ทั้งพระเอกอิจิโกะที่ได้ ฟุกุชิ โซตะ หรือเด็ก ๆ น่าจะรู้จักในนาม มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ ส่วนฝั่งที่คัดมาหน่อยน่าจะคุ้นหน้าจากหนังรักน้ำดีอย่าง Tomorrow I Will Date with Yesterday’s You (2016) ซึ่งการที่เขาย้อมผมทองตามคาแรกเตอร์รอบนี้ไม่ดูขัดตาเลยสักนิด แถมสะท้อนความเป็นอิจิโกะตามมังงะได้เยี่ยมด้วย ด้านยมทูตสาวรูกิยะก็ได้ สุจิซากิ ฮานะ ที่เคยร่วมงานกับโซตะมาแล้วในเรื่อง Blade of the Immortal (2017) ซึ่งลุคของเธอที่เหมือนซามูไรสาวก็เข้ากันดีกับความเป็นยมทูตแม้จะห่างจากภาพในมังงะไปหน่อยก็ตาม แต่ด้านความน่าเชื่อมันก็ยังได้อยู่
ส่วนตัวละครอื่นก็คัดได้ดีเลย ทั้ง แชด (โคยานางิ ยู) ที่ดุเข้มหล่อเท่กว่าในมังงะ โอริฮิเมะ (มาโนะ เอรินะ) ที่สวยจนต้องชะงักมอง (เอรินะเธอเพิ่งแต่งงานไปเมื่อสองเดือนก่อนทำเอาแฟน ๆ ร่ำไห้กันทั่วเลย TT) หรือจะฝั่งยมทูตที่ได้ มิยาบิ นักร้องร็อกชื่อดังมาร่วมแสดงหลังจากเพิ่งไปชิมลางโผล่ประกอบในหนังของ แองเจลินา โจลี่ อย่าง Unbroken (2014) และมาโผล่แบบแมสขึ้นในหนัง Kong: Skull Island (2017) ด้วย สำหรับบท เบียคุยะ ยมทูตผู้คุมกฏในหนังเรื่องนี้ มิยาบิก็ใช้บรรยากาศเฉพาะตัวของเขาสร้างความเข้มขึงและน่ากลัวได้อย่างยอดเยี่ยมเลย คือรวม ๆ บอกเลยว่าแคสติ้งโอเคมากกก
อีกส่วนที่ต้องชมคือการออกแบบงานต่อสู้ที่ได้ดูดุดันรุนแรงดี ไม่ว่าจะเป็นการเตะต่อยทั่วไปจนถึงงานร่วมกับซีจี ซึ่งเป็นอะไรที่หนังของชินสุเกะทำได้โอเคมาตลอดนะ ส่วนที่ต้องติก็ตามที่เล่ามาล่ะครับคือหนังเล่าอะไรเยอะไปนิดทำให้ความสนใจไม่โฟกัสไปที่จุดเดียวมากพอจนกราฟอารมณ์มันไม่พุ่งไปถึงที่สุด และพื้นฐานการเล่ามันก็เดาได้ทั้งเรื่องล่ะเพราะมาตามแบบมังงะเป๊ะ แถมมันเป็นมังงะสายลูกผู้ชายที่สูตรตายตัวโคตร ๆ แทบไม่มีอะไรต้องลุ้นเลย แต่ถ้ามองในแง่หนังจากมังงะนี่คือดีได้มาตรฐานไม่มีอะไรให้ก่นด่าเลยครับ ชอบนะอยากให้มีภาคต่อ แต่ก็น่าจะยากอยู่ ดูหนังออนไลน์