รีวิว The Batman เดอะแบทแมน 2022

รีวิวหนังฝรั่ง สวัสดีสมาชิก และ เอฟซีทุกๆท่าน วันนี้ก็มาอยู่กับการรีวิวหนังอีกแล้ว เรื่องอะไรน้าา อ๋อออ แบทแมน ใครๆก็คงรู้จักกันเป็นอย่างดีจาก ภาค ก่อนๆ แต่ว่า ภาคนี้นั้น ต้องบอกเลยว่า เขามาเต็มจริงๆ ประทับใจมากก ลองไปอ่านรีวิวกันนเลยย

รีวิว The Batman เดอะแบทแมน 2022

 

 

รอคอยเดอะแบทแมนอย่างใจจดใจจ่อมายาวนานในฐานะร็อบสแตนและ(คิดว่าตัวเองเป็น)แฟนดีซี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ไปดูรอบแรกของวันฉายจบก็ตั้งใจจะเขียนรีวิวทันที จนถึงตอนนี้อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดในโรงยังตกค้างอยู่ในอกเราไม่ยอมหายไป แค่นึกถึงความดีงามถูกจริตของหนังเรื่องนี้ใจก็สั่นแล้ว u w u รีวิวนี้จึงเขียนถ่ายทอดความรู้สึกกึ่งวิเคราะห์ผ่านมุมคนที่ชอบทั้งตัวนักแสดง ทั้งโปรดักชั่นหนัง และกำลังไฮป์จัดๆ *มีสปอยล์ปริมาณมาก* และอาจจะมีไบแอสด้วยอย่างอดไม่ได้ แต่การที่หนังทำให้เราและคนจำนวนมากชอบได้ขนาดนี้ ก็สะท้อนว่าหนังประสบความสำเร็จไม่น้อยเลยทีเดียว

แบทแมนในปี 2022 ดูแตกต่างจากแบทแมนเวอร์ชันอื่นๆที่เน้นไปที่ฉากแอคชันและความโสมมของเมืองก๊อตแธม แต่หนังกลับเต็มไปด้วยความโหด ดิบ เถื่อน ที่เคลือบไปด้วยความระแวงสงสัย ด้วยภาพสไตล์ฟิล์มนัวร์

รีวิว The Batman เดอะแบทแมน 2022

ชวนให้นึกถึงการเล่นเกมที่ต้องสืบหาความจริง และไล่จับผู้ร้ายไปด้วย หนังยังคงสภาพการถ่ายทอดความดาร์คของแบทแมนได้ ตามแบบฉบับ จักรวาลของโลก DC ซึ่งผู้กำกับแมตต์ รีฟส์ ทำออกมาได้ดีมากจริงๆ

เรื่องย่อ
หนังเล่าถึง บรูซ เวยน์ (โรเบิร์ต แพททินสัน) ในตอนที่ยังหนุ่ม เลือดร้อน และกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ตามจับฆาตกรต่อเนื่อง เดอะริดเลอร์ ที่ไล่ฆ่าผู้มีอิทธิพลแต่ละเมืองด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม คนที่รับผิดชอบการสืบคดีนี้คือผู้หมวดกอร์ดอน โดยมีแคทวูแมนมาร่วมแจมด้วยในการตามจับฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างความวุ่นวายคนนี้ และนอกจากต้องตามจับคนร้าย บรูซ เวยน์ในวัยหนุ่มก็เจอความจริงบางอย่างที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับตระกูลของเขาในการคอร์รัปชัน

รีวืวความรู้สึกหลังดูจบ
แบทแมนใช้เวลานานหน่อยกว่าจะกลับมา แต่แบทแมนก็กลับมา และหนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 45 นาที กว่าสามชั่วโมง เรียกได้ว่าโคตรนานเลย ในความคิดเห็นของผู้เขียน นี้คือแบทแมนเวอร์ชันที่ดีที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยดูเลย

เมื่อคนร้ายพูดว่า ฉันจะนำความวุ่นวายมาสู่เมืองนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือความดุดัน ความโกรธ และความรุนแรงที่ปรากฏและฉายชัดในสายตาและสีหน้าของโรเบิร์ต แพททินสันในบทของบรูซ เวยน์ ซึ่งฉบับโนแลน ไม่มีแบบนี้ ฉบับโนแลนจะเป็นแบบ ฉันจะกำจัดแกออกจากเมืองเองด้วยท่าทางนิ่งๆแบบซูเปอร์ฮีโร่สไตล์ comics มากกว่า และเพราะหนังเน้นไปที่การสืบสวนสอบสวนและการตามหาความจริง ความลุ้นของหนังจึงไม่ใช่การกำจัดหรือปราบเหล่าร้าย แต่เป็นการโค่นล้มระบบทั้งระบบอันเป็นต้นเหตุให้เกิดคนชั่วร้ายลงมา

รีวิว The Batman เดอะแบทแมน 2022

ภาพ เสียง และธีมเพลงเปิดตัว ต้องขอบอกว่าดีสุดๆและเอาออกจากหัวไม่ได้จริงๆหลังดูจบ หนังจึงมีความสนุกแบบซูเปอร์ฮีโร่สำหรับผู้ใหญ่ หรือเด็กที่โตแล้ว ไม่เหมาะกับคนที่ชอบหนังฮีโร่ที่เน้นไปที่ฉากแอคชัน ฉากบู๊ ฉากปราบเหล่าร้าย หรือการที่ฮีโร่ปรากฏตัวออกมาแล้วตื่นเต้นดีใจ

สื่งที่น่าเสียดายในหนังเรื่องนี้คือในช่วงเริ่มต้น หนังปูทางได้สนุกและตื่นเต้นมากๆ ในการชวนให้เราติดตามตอนจบ แต่กลับไม่ได้มีจุดพีคในการไขปริศนา เหมือนหนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ และหนังก็จบ ปริศนาสุดท้ายก็ดูเรียบง่ายมากๆ

ยังไงก็ตาม โรเบิร์ต แพททินสัน เป็นแบทแมนที่ดีมากๆในปี 2022 และฉากตัดเชือกลงน้ำ ก่อนออกมาจุดพลุช่วยเหลือคร ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจมากๆจนคนดูรู้สึกขนลุกและชื่นชมบรูซ เวยน์เวอร์ชันนี้จริงๆ ดูหนัง

 

รีวิว The Batman เดอะแบทแมน 2022 ตัวละครในเรื่อง

สวยงาม นึกออกแต่คำว่ารังสรรค์ตัวละครบรูซ เวย์นขึ้นมาได้อย่างสวยงามจริงๆ สวยงามในแง่ที่มีมิติและอารมณ์ความรู้สึกแบบ ‘โคตรมนุษย์’ ตั้งแต่ต้นจนจบ ที่ผ่านมาหนังแบทแมนมักจะฉายให้เห็นบรูซ เวย์นที่ดู cool, calm, and collected แต่นี่คือบรูซ เวย์นที่ยังอ่อนเยาว์ ยังพังและแหลกสลาย ยังประกอบสร้างตัวเองได้ไม่เสร็จดีก็ต้องเจอเรื่องให้หวนตั้งคำถามกับระบบสังคม ครอบครัว รวมถึงบทบาทตัวเองแล้ว

ตั้งแต่ต้นเรื่อง เราได้เห็นแบทแมนที่ ‘ดาร์ก’ เหลือเกิน เป็นแบทแมนที่มืดหม่น หดหู่ เหมือนคนที่ยังไม่ recover จากความสูญเสีย ชอบดีเทลการแสดงของคุณร็อบที่เก็บทุกเม็ดมากๆ ซีนที่ติดตาเป็นพิเศษก็คือการที่คุณร็อบเห็นตัวเองในตัวเด็กกำพร้า งานสายตาสื่อชัดเจนไม่ต้องพึ่งไดอะล็อก เห็นทั้งความเจ็บปวดและโกรธแค้นที่ยังหาจุดสมดุลไม่ได้ ในตอนที่เป็นบรูซก็หมดอาลัยตายอยากไม่ไยดีกับชีวิตตนเอง ในตอนที่เป็นแบทแมนก็เห็นได้ผ่านฉากต่อสู้ถึงความโหดเหี้ยมบางอย่างที่นำกลับมาสู่คำถามที่มีอยู่บ่อยๆ ว่าแบทแมนที่เป็นศาลเตี้ยนั้น ดีแล้วหรือไม่

ยิ่งเรื่องดำเนินผ่านไป เรายิ่งได้เห็นบรูซที่เกิดความรู้สึก conflicted กับตนเองมากๆ ร่างแบทแมนต้องการจะจับตัวคนร้าย แต่ร่างบรูซเวย์นกลับอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบโครงสร้างอันบิดเบี้ยว นี่คือบรูซที่ไม่รู้ว่าอะไรคือความจริงอีกต่อไป สูญเสียศรัทธาในตัวพ่อ และคงจะในตัวเองด้วย เราชอบที่ริดเลอร์พูดโจมตี trauma ของบรูซอย่างรุนแรงแต่ก็เป็นความจริงอันน่าเจ็บปวดว่า บรูซไม่ใช่เด็กกำพร้า คนที่มองลงมาจากกองเงินกองทองไม่ใช่เด็กกำพร้า เด็กกำพร้าคือคนที่นอนอัดกันอยู่ในห้องเป็นสิบ กลางคืนถูกหนูแทะ เด็ก12 ติดยา และทุกหน้าหนาวจะมีเด็กทารกตาย หนังเรื่องนี้พุ่งเข้าไปสำรวจจิตใจของตัวละครและเปิดเปลือยปมในใจเราเห็นจนมันปะทุถึงจุดเดือด บรูซพยายามไล่จับอาชญากร แต่อาชญากรก็เกิดจากปัญหาชนชั้นและการคอร์รัปชั่นที่ชนชั้นของบรูซเป็นผู้ก่อ แต่ละซีนทำเอาเราจมดิ่งและสัมผัสได้เลยว่าบรูซนั้นทรมานจากความโกรธเกลียดสิ้นหวังที่กัดกินตนเองอยู่ใต้หน้ากากนั้นแค่ไหน

แต่ the best part คงเป็นการที่สุดท้ายแล้วบรูซรู้ว่าตัวเองกำลังสู้เพื่ออะไร ฉากที่ทำเราแอบน้ำตาซึมคือตอนที่บรูซตัดสินใจกระโดดลงมา รวมถึงถือคบไฟช่วยชาวก็อธแธมจากน้ำที่ไหลท่วม (แอบนึกถึงฉากโมเสสพาชาวยิวเดินผ่านทะเลแดงเลย) มันอาจจะดูเป็นบทสรุปทั่วไปของฮีโร่ แต่หนังและนักแสดงเก่งมากที่ทำให้เรารู้สึกว่าทั้งหมดนี่แหละคือแก่นแท้ของแบทแมน คือสิ่งที่ทำให้แบทแมนแตกต่างจากฮีโร่คนอื่นๆ การที่แบทแมนเป็นตัวละครที่ทำให้เส้นแบ่งศีลธรรมมันพร่ามัว มีความโกรธแค้นต่อคนในก็อธแธมและมีบาดแผลอันเจ็บปวด แต่ก็ยังเลือกที่จะยังเชื่อว่าก็อธแธมเปลี่ยนแปลงได้ เชื่อในความดีของมนุษย์ เพราะแบบนี้แบทแมนถึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังในก็อธแธม และหนังเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดตัวละครนี้ออกมาได้ครบหมดจดแง่มุมมาก (ยังไม่นับที่เลือกโฟกัสแบทแมนในฐานะ detective ให้เห็นความฉลาดในการสืบและไขปริศนา นอกเหนือไปจากความว้าวในแง่ไอเท็มต่างๆ ที่เราเห็นจนชินตาด้วย) ปล.ความสัมพันธ์กับอัลเฟรดก็ทำเอาน้ำตาซึมเลย แง คุณหนูเวย์น T_T เหลือกันอยู่แค่นี้เองนะ เราอุ๋งอิ๋ง

 

เสริมอีกนิดว่า ถึงแม้แค่ปมตัวละครหลักอย่างบรูซก็หนักหน่วงมีอะไรให้ตามลุ้นจนจบเรื่องแล้ว แต่ตัวละครอื่นก็ไม่ได้กลืนหายไปไหน หนำซ้ำยังเกลี่ยบทได้ชาญฉลาดด้วย เราชอบเซลิน่าไคล์เวอร์ชั่นโซอี้มากกกกกกกกก พูดได้แค่มีเสน่ห์ออร่าจับ และยังแสดงได้ถึงอารมณ์ในทุกซีน ให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหาในแบบแคทวูแมน แต่ก็มีชีวิตจิตใจและเส้นเรื่องของตัวเองที่สุดท้ายมาบรรจบกับเรื่องหลัก ชี้ให้เห็นปัญหาชนชั้นอันฝังรากลึึก ชอบที่เซลิน่าพูดว่า เราต้องช่วยอานนิก้าเพราะนอกจากเราก็ไม่มีใครช่วยเธอแล้ว เซลิน่าเองก็เป็นอีกคนที่ทำให้เห็นว่าคนที่ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ ไม่มีตัวเลือกนั้นคิดและทำแบบไหนเพื่ออยู่รอด เช่นเดียวกับริดเลอร์ที่เป็นอาชญากรที่ถือกำเนิดจากการทุจริตเพราะความโลภ แอบชื่นชมว่าการแสดงของริดเลอร์คือหลอนมาก T-Tความฉลาดกับแนวคิดคือน่ากลัวไม่เป็นรองใครเลย ดูหนังออนไลน์

ส่วนในแง่เคมี แบทแคทก็เข้ากันดี ซีนแบบน้อยแต่มาก ชอบที่ไม่ได้โฟกัสเลิฟไลน์มากขนาดนั้น แต่ก็ยังทำให้เราอินตามไปได้ในเวลาสั้นๆ โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นว่าสุดท้ายทั้งสองเลือกคนละทางกัน

*สปอยล์ยิ่งใหญ่* แม่จ๋าาาา ขอร้องกรี๊ดตอนได้ยินเสียงหัวเราะแล้วก็แบบเอ๊ะหรือนี่จะคือโจ๊กเกอร์ ใจเรามันเต้นตึกตักๆๆๆๆ ไดอะล็อกสั้นแต่แอบขนลุก ตอนเดินออกจากโรงมารีบเสิร์ชเพื่อความมั่นใจก็ดูเหมือนจะใช่ แต่บางคนก็บอกมันด่วนสรุปไป ฮือ รอๆๆๆๆ ภาคต่อเลยแล้วกัน

สรุปแล้ว ส่วนตัวว่าตัวละครนี่แหละคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เดอะแบทแมนสดใหม่และแตกต่างจากหนังแบทแมนหรือแม้แต่หนังฮีโร่เรื่องอื่นๆ เป็นการเลือกหยิบแง่มุมมาเล่าได้อย่างฉลาดและน่าสนใจ ไม่ได้ซ้ำหรือจำเจ ไม่ทำให้ติดภาพลักษณ์เรื่องก่อนๆ แต่ได้กลิ่นอายแบทแมนไปอีกแบบจริงๆ ดูหนัง 4k

พล็อตและบท

ก่อนมาดูไม่ได้โฟกัสที่บทซึ่งว่ากันว่าเป็นแนว film noir detective ขนาดนั้น แต่พอดูจบกรี๊ดในความเป็นสืบสวนสอบสวนแต่แทรกด้วยแอคชั่นเป็นระยะๆ ของเรื่องนี้มาก T v T เห้ยมันหม่น มันอึมครึม แต่มันก็สนุกลุ้นระทึกมากๆ เลย ตั้งแต่ต้นจนจบ 3 ชั่วโมงไม่มีเบื่อ มีแต่จะเข้มข้นบีบคั้นมากขึ้น โทนเรื่องที่ดาร์กจนแทบจะน่ากลัวนิดๆ เข้ากับแบทแมนมากอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนตัวว่ามันดาร์กคนละแบบกับ the dark knight trilogy ของโนแลน เหมือนดาร์กที่เมสเสจที่สื่อออกมาและวิธีการไปถึงจุดนั้น

 

ถ้าพูดในด้านความสนุก ก็ขึ้นอยู่กับว่านิยามความสนุกแต่ละคนคืออะไร เรื่องนี้ไม่ได้สนุกแบบบู๊มันส์แหลก (แต่เราว่ามันซีนบู๊ก็เยอะและจุใจพอแล้วนะ๕๕๕๕) แต่ถ้าสนุกในนิยามที่นั่งไม่ติดเก้าอี้ (เพราะปวดขา หนังยาวมาก) ตื่นเต้นไปกับการไขปริศนาคำใบ้และการกระชากหน้ากากเอาความจริงที่ซ่อนไว้ใต้พรมออกมา เรื่องนี้ก็ทำได้ดีมากเลยแหละ ซีนที่ชอบเป็นพิเศษคือตอนที่โคลสันถูกติดระเบิดและต้องทายปริศนากับริดเลอร์ ความน่ากลัว ความมันส์ ความอำมหิตของซีนมันชวนให้กดดันจนหมดแรง รวมถึงคำใบ้เองก็ว้าวมากเพราะมันค่อยๆ เปิดโปงแรงจูงใจเบื้องหลังริดเลอร์ทีละนิดๆ ให้เห็นว่าความยุติธรรมในเมืองนี้มันถูก denied ไปแล้ว

นอกจากเรื่องจะมีอะไรให้ตื่นเต้นตลอดแล้ว ยังสนุกเพราะการต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อระหว่างแบทแมนกับริดเลอร์ด้วย ชอบมากๆ ที่แม้แต่แบทแมนเองก็ไม่ได้มองเห็นภาพใหญ่ทั้งหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง เพราะถ้าแบทแมนแก้ปริศนาได้ทั้งหมดคงไม่เกิดไคลแมกซ์ซีนสู้กับกลุ่มหัวรุนแรง ประทับใจวิธีวางแผนที่แยบยลของริดเลอร์มากเหมือนกัน กล่าวได้ว่าบทเรื่องนี้มีให้หมดแล้วทั้งความน่าติดตาม การไต่อารมณ์ และจุดจบที่ถือว่าลงสวย เป็น 3 ชั่วโมงที่ใช้ไปอย่างคุ้มค่าไม่มีเสียเลย ที่สำคัญที่สุด ชอบที่ตีแผ่ให้เห็นระบบโครงสร้างที่มันเน่าเฟะจากภายในจนชวนให้เรารู้สึกสิ้นหวัง เราอิน เรารู้สึก เราขบคิดเพราะเรารู้ว่ามันเป็นความจริง สำหรับเราแล้วหนังฮีโร่ที่เราชอบคือหนังที่วิพากษ์สังคมมันตรงๆ แบบนี้แหละ และขออวยนิดว่าหนังดีซีช่วงหลังๆ จับจุดปัญหาที่อยากเล่าเก่งมากแล้วก็ทำสำเร็จด้วย ถึงมันจะเป็นเมสเสจคลาสสิกที่เจอบ่อยในหนัง แต่เมื่อมารวมกับความเป็นหนังฮีโร่แล้วมันก็เพิ่ม depth ให้สตอรี่ไปอีกขั้นหนึ่งเลย

 

ข้อติส่วนตัวคงเป็นการดำเนินเรื่องจังหวะแปลกๆ ที่มีจุดที่เล่าเรื่องเร็วไปอยู่บ้าง สมองตามไม่ทันตั้งแต่ชื่อคน ๕๕๕๕๕๕ เข้าใจว่าหนังคงพยายามเร่งให้ทันเวลาที่ก็ถือว่ายาวแล้ว แต่สมองเราไม่ฟังก์ชั่นพอจะตามเรื่องรหัสและปริศนาได้ครบจริงๆ u – u คงต้องไปเก็บดีเทลอีกสักรอบถึงจะตามทันและเชื่อมโยงต้นสายปลายเหตุได้หมด แล้วก็รู้สึกว่าซีนบู๊เด่นๆ อย่างขับรถกวดไล่กันออกจะยาวไปนิดสำหรับเรา

 

ภาพ แสง และ Cinematography

ตอนนั่งดูนึกถึงที่คนพูดว่าหนังดาร์กก็ให้เรื่องดาร์กพอไม่ต้องภาพดาร์กด้วยก็ได้ ๕๕๕๕๕๕๕ ภาพทะมึนมากกกกกก แต่เลือกใช้แสงและโทนสีเด่นๆ เก่งและทำให้เรารู้สึกว่ามันลงตัวกลมกลืนดี ส่วนตัวว่างานภาพสวยจนตาละลายอยู่ในโรง i__i ตั้งใจกับรายละเอียดทุกซีนเลย มีฉากที่ชอบงานภาพจัดๆ คือซีนเดินออกมาจากแบทโมบิลหลังเพลิงที่ลุกไหม้ ภาพที่มองจากมุมเพนกวินคือกลับหัวเป็นค้างคาวด้วย! กับฉากสู้ในความมืดมิดเห็นแต่แสงจากกระสุน มันแบบโอ๊ยโคตรเท่ เท่อะไรไม่รู้แต่เท่มาก งานภาพมีส่วนช่วยคีพมู้ดแอนด์โทนไว้ได้ตลอดทั้งเรื่องจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากเลย

เสียงและดนตรีประกอบ

เป็นองค์ประกอบที่รู้สึกว่าโดดเด่นมาก แต่อธิบายไม่ถูกเพราะมันก้ำกึ่งระหว่างบิ๊วจัดและเยอะไปสำหรับเรา๕๕๕๕๕ ที่ชอบคือสกอร์ในจังหวะที่หลากหลายเหมือนใช้ได้ถูกเวลามากเลย ช่วยบิ๊วอารมณ์สุดๆ เป็นส่วนที่ชอบตั้งแต่ปล่อยให้ได้ฟังครั้งแรกแล้ว ซาวน์รวมๆ ช่วยเพิ่มความน่ากลัวไปอีกเลเวลด้วย ดึงเราเข้าไปในเรื่องได้โดยสมบูรณ์แบบ ตื่นเต้นจิกเนื้อ แต่ก็มีบางจังหวะที่อธิบายไม่ถูกแต่รู้สึกว่าซาวน์มะรุมมะตุ้มมากเกินไปจนดึงสมาธิเราไปนิดนึง แต่ก็เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เพราะเท่าที่ไล่อ่านมาหลายคนก็ปลื้มกับซาวน์มากเลย สุดท้ายนี้ชอบการใช้ Something in the way ในเรื่องมากกกกกกกก ใจเต้นตุบๆ แบบไม่มีเหตุผล

ภาพรวม

เป็นหนังที่เราสรุปได้แค่ว่า ‘มีแนวเป็นของตัวเอง’ ผสมผสานอะไรหลายอย่างเข้าด้วยกันแล้วมันลงตัว มัน unique ความน่าตื่นเต้นคือ The Batman เหมือนตอกย้ำให้เห็นว่าหนังฮีโร่ตัวเดิมทำซ้ำอีกก็ไม่ได้แปลว่าจะเหมือนเดิม แต่อยู่ที่การตัดสินใจเลือกแนว เลือกจุดที่อยากเล่า เลือกตีความของทีมโปรดักชั่นรวมถึงตัวนักแสดงเองด้วย เหมือนที่คุณร็อบเองเคยบอกเองว่าแบทแมนสำหรับเขาไม่ใช่ฮีโร่ แต่เป็นตัวละครที่ซับซ้อนและไม่ได้มีศีลธรรมเป็นเส้นตรง แล้วก็แสดงออกมาได้ถึงอารมณ์แบบนั้นจริงๆ เมื่อดูหนังจบก็เข้าใจสิ่งที่ทั้งผู้กำกับและแคสต์ต้องการจะสื่อ ไม่แปลกใจเลยที่รีวิวจะเทไปทางว่ามันเป็นหนังคอมมิกบุ๊กที่สดใหม่ เฟรชมากเสียจนเราพร้อมที่จะสลัดภาพจำเดิมแล้วรอภาคต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าจะประทับใจองค์ประกอบโดยรวมของทั้งเรื่องมากๆ แต่ส่วนที่ประทับใจที่สุดยังคงเป็นการที่ The Batman ทำให้เราเชื่อมั่นว่าในอนาคตจะมี comic book movies อีกมากมายที่ได้ทดลองสิ่งใหม่ๆ สไตล์ใหม่ๆ แหวกแนวหลากหลาย จนคำว่าหนังฮีโร่ไม่ได้ให้ภาพจำของแนวใดแนวหนึ่ง แต่สื่อสารอะไรก็ได้ที่อยากสื่อไปถึงผู้ชมทุกกลุ่ม แบบนั้นเลย

คะแนนรีวิวหนัง 12/10

ดูหนังใหม่ได้ที่ เว็บดูหนังฟรี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *