รีวิว WARCRAFT THE BEGINNING

 

รีวิวหนัง โย้วววว สวัสดีค้าบบบ คนรักหนัง และ เสพติดหนัง เหมือนแอดบี วันนี้ แอดบี จะมารีวิว หนัง ที่ทำมาจาก เกม และ เชื่อว่า ท่านผู้ชายหลายๆ คนคงจะเคยเล่น เคยสัมผัสมาบ้าง อย่างแน่นอน แต่ตัวหนัง จะสนุกหรือไม่ ไปอ่านรีวิวกันเลย

รีวิว WARCRAFT THE BEGINNING

Warcraft: The Beginning ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ Based on มาจากเกมชื่อดัง Warcraft เป็นเรื่องราวของจักรวาลของเผ่าพันธุ์ต่างๆ โดยสองเผ่าพันธุ์หลักๆ ที่เห็นกันก็คือจักรวาลของ “มนุษย์” และ “ออร์ค” การเดินทางข้ามจักรวาลมาเจอกันนั้น จะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันในโรงภาพยนตร์ได้เลย
ในฐานะคนที่เคยเล่นเกมแค่บางภาค ไม่ได้ปะติดปะต่อกันทำให้รู้แค่คุณสมบัติ ลักษณะของตัวละครแต่ละเผ่าพันธุ์เท่านั้น จึงขอรีวิวในฐานะ ผู้ชมธรรมดาๆ ที่ไม่รู้เนื้อเรื่องต้นฉบับจากในเกมเลย
รีวิว WARCRAFT THE BEGINNING
สำหรับ Warcraft นั้น ส่วนตัวคิดว่าการดำเนินเรื่องราวยังไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่นัก เนื่องจากตัวหนังจะต้องเล่าเรื่องทั้งสองฝ่ายซึ่งก็คือ มนุษย์ และ ออร์ค ที่ตัวละครหลักของทั้งสองฝั่งคือ โรธาร์ อัศวินหนุ่มผู้คอยปกป้องเอซาร็อธ และ ดูโรทัน ออร์คหัวหน้าเผ่าที่ต้องคอยปกป้องเผ่าของตัวเองจากภัยร้ายใกล้ตัว นอกจากนี้ก็ยังยกตัวละครอื่นๆ จากในเกมมากันอย่างครบครัน เนื้อเรื่องของแต่ละฝั่งนั้นก็มีเรื่องราวและปมปัญหาเป็นของตัวเอง ทำให้รู้สึกเหมือนเราต้องดูหนังสองเรื่อง สลับไปมาก่อนที่จะมาบรรจบกันในตอนสุดท้ายที่ทั้งสองฝั่งมีจุดหมายเดียวกัน ทำให้อาจจะขาดๆ เกินๆ หรือไม่สุดบ้าง ในฐานะคนที่ไม่รู้เนื้อเรื่องจากเกม
รีวิว WARCRAFT THE BEGINNING
ทำให้รู้สึกว่าต้องใช้เวลาสักพักในการตามเนื้อเรื่องให้ทัน แต่พอตามทันแล้วถือว่าเข้าใจได้อยู่ แม้ว่าจะมีบางอย่างที่รู้สึกไม่ค่อยอินไปด้วย หรือไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เช่น การพยายามใส่ฉากความสัมพัธ์ของบางตัวละคร ที่รู้สึกว่าอยู่ๆ ก็มาอยู่ๆ ก็ไป แต่ก็ไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องเท่าไหร่นัก และแม้ว่าตัวละครอาจจะดูแบนไปนิดแต่ก็มีการหยอดมุข ใส่ความสนุกสนาน รวมถึงมุมตลกๆ น่ารักของตัวละครลงไปด้วย ทำให้เนื้อเรื่องดูมีมิติ มีอรรถรสอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยรวมแล้วถือว่าดูได้เพลินๆ ไม่มีความรู้สึกเบื่อเลยตลอด 2 ชั่วโมง

รีวิว WARCRAFT THE BEGINNING

แต่อาจจะยังมีบางสิ่ง บางรายละเอียดที่ตัวหนังใส่มาเอาใจแฟนเกม ซึ่งคนดูทั่วไปอาจจะสงสัยหรือไม่เข้าใจในตัวละครนั้นๆ บ้าง เช่นการใช้พลังของนักเวทย์ เป็นต้น แต่ก็เพียงแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้แฟนๆ เกมเท่านั้น ยังไงทุกคนก็ยังสนุกไปกับหนังได้แน่นอนแม้จะไม่เคยเล่นเกมก็ตาม
ส่วนเรื่องงานภาพ ขอจะขอคารวะแรงๆ เลยกับงาน Visual Effect ของเรื่องนี้ แบบว่าอยากจะให้สัก 100/10 ไปเลย คือภาพสวยมาก สวยทั้งเรื่อง ไม่มีมุมไหนหรือฉากไหนเลยที่ดูโดด ดูลอยออกมา คือไม่มีที่ติ ยกเว้นแค่หนึ่งฉาก ที่สังเกตเห็นคือคิวบู๊ดูแปล่งๆ ตะกุกตะกักนิดหน่อย อาจเพราะฉากนั้นคนต้องสู้กับ CG แต่หลังจากนั้น รวมถึงฉากรบช่วงสุดท้ายถือว่าดีงาม ทุกอย่างดูสวย ดูสมจริงไปหมด ทั้งตัวละคร เมือง การใช้พลังต่างๆ ทุกอย่างลื่นไหลดีตลอดทั้งเรื่อง รู้สึกดีและคุ้มค่ามากๆ กับการได้ดูหนังที่มีภาพสวยๆ ทั้งเรื่องแบบนี้ แถมยังมีการใช้มุมกล้อง หรือฉากที่ดูเหมือนมาจากเกมให้แฟนๆ เกมนี้ได้ฟินกันไปตามๆ กันอีกด้วย ส่วนตัวรู้สึกว่าแค่ได้ดูงานภาพระดับพรีเมี่ยมแบบนี้ก็คุ้มแล้ว
สิ่งที่ประทับใจ
แน่นอนว่าต้องเป็นงานภาพสวยๆ ทั้งเรื่องแน่นอน นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ประทับใจส่วนตัวคือ นักเวทย์ นั่นเอง เท่าที่เคยดูหนังแฟนตาซีมานั้น ส่วนใหญ่ตัวละครนักเวทย์ในเรื่องจะไม่ค่อยมีบทบาท หรือเก่งมากเท่าไหร่นัก การใช้เวทย์เองก็มีแค่การโบกมือ หรือโบกไม่เท้า แล้วมีแสงสลัวๆ ลอยตาม ซึ่งก็ดูเป็นปกติ ธรรมดามาก แต่นักเวทย์ใน Warcraft นั้น เป็นอะไรที่ประทับใจและฟินมาก (บอกก่อนว่าส่วนตัวเป็นคนชอบนักเวทย์ และอะไรที่เกียวกับเวทย์มนตร์มากอยู่แล้ว) นักเวทย์ในเรื่องนี้ถือได้ว่าเก่งมาก และเป็นตัวละครสำคัญเลยก็ว่าได้ ไหนจะการใช้เวทย์ที่ไม่ใช่แค่การปัดๆ โบกๆ มือแล้วมีลูกไฟหรือแสงสลัวๆ ตามไปแค่นั้น แต่เป็นการใช้เวทย์ที่มีรายละเอียดมากๆ ทั้งสัญลักษณ์ วิธีการร่ายเวทย์ ซึ่งงาน Effect เองก็ดีมากๆ ดูแล้วรู้สึกว่าเท่มาก (ก.ไก่ล้านตัว) จริงๆ นอกจากนี้ยังชอบสิ่งที่ใส่มาให้คิดหลายๆ เรื่อง ดูจนจบแล้วรู้สึกอินไปด้วยไม่เบาเลยเหมือนกัน ดูหนังฟรี

สรุปหลังดูจบ

 

โดยรวมแล้วถือว่าชอบมาก ความรู้สึกแรกที่เดินออกจากโรงคือสนุกมาก ยังมีความอินอยู่เป็นพักๆ ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่จัดว่าชอบและประทับใจสุดๆ ในครึ่งปีแรกของปีนี้เลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าการเล่าเรื่องจะไม่แน่นขนาดหนังแฟนตาซีเรื่องอื่นๆ แต่ส่วนตัวก็พอใจและคิดว่าสนุกแล้ว ยังคิดว่าถ้าตัวเองเป็นแฟนเกมนี้คงจะอินและฟินกว่านี้แน่ๆ เพราะแค่นี้ก็ทำให้รู้สึกอยากติดตามภาคต่อไปแล้ว และแน่นอนว่าหากมีภาคต่อๆ ไป(ซึ่งดูจากรายได้แล้ว ก็มีได้ไม่ยาก) บอกเลยว่า ไม่พลาด แน่นอน
บอกเลยว่าตอนแรกที่รู้สึกอยากดูอาจจะไม่ใช่แฟนเกมโดยตรง แต่เพราะความแฟนตาซีล้วนๆ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆ อยากให้ทุกคนได้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ชอบความแฟนตาซีไม่ควรพลาด แค่งานภาพก็กินใจและคุ้มมากแล้วจริงๆ เนื้อเรื่องเพลินๆ ภาพสวยๆ ถึงแม้เราจะไม่เคยเล่นเกมและแทบไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับ Warcraft มาก่อนเลยสักนิด แต่ก็ยังดูหนัง Warcraft: The Beginning รู้เรื่องและพอตามทันอยู่ เพราะโลกในนั้นมีความละม้ายคล้ายกับโลกใน The Lord of the Rings และ Game of Thrones (แต่จริง ๆ ตามหลัก Warcraft เขามีมาก่อนอะนะ) แล้วหนังมันก็ไม่ได้ทำออกมาแย่ จัดว่าดูได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ แฟนตาซีดี มุกตลกก็ปังบ้างไม่ปังบ้าง แต่รวม ๆ ก็พอรับได้
แต่ถึงกระนั้น หนังมันก็ไม่ได้สนุกหรือมีประเด็นสลักสำคัญอะไรให้เราชอบหรืออินถึงขั้นขนาดที่ว่า กลับบ้านไป ฉันต้องหาเกมมาเล่นหรืออ่านเรื่องราวของ Warcraft เพิ่มเติมนะ อะไรอย่างนั้น เนื้อหามีความสะท้อนยุคล่าอาณานิคมสมัยโบราณกาล และความสมดุลของการอยู่ร่วมกันของแต่ละเผ่าพันธุ์หรือสปีชีส์ แต่ก็ไม่ได้พีคหรือชัดเจนอะไร ระหว่างดูก็มีช่วงที่เบื่อบ้างอะไรบ้าง แต่ยังห่างไกลจากคำว่าอยากหลับหรืออยากลุกออกจากโรงอยู่โข
สาเหตุหนึ่งที่เราไม่ค่อยอินเป็นเพราะการตัดต่อ (editing) ที่วาร์ปไปวาร์ปมา ตัดฉับมาก แต่ก็พยายามเข้าใจว่าเขาอยากเล่าเรื่องเยอะ ๆ และกระจายบทให้ตัวละครอันมากมายเท่า ๆ กัน คนตีกับออร์คก็อยากให้ดู คนตีกับคนก็อยากให้เห็น ออร์คตีกับออร์คก็อยากจะเน้น พ่อมดตีกับพ่อมดก็อยากจะเล่า ยังไม่นับรวมดราม่าครอบครัวอีก บลา ๆ ๆ
และอีกสาเหตุที่ยังไม่อินคือ หนังไม่ค่อยปูพื้นให้เราเท่าที่ควร บางจุดเราก็ไม่เข้าใจความคิดและการกระทำของตัวละครนั้น ๆ แถมตัวละครกับ subplot ก็เยอะแยะตาแป๊ะไก่ไปหมด โดยเฉพาะพวกออร์คที่หน้าตาคล้าย ๆ กัน โอ๊ย อิชั้นจำแทบไม่หวาดไม่ไหว แต่ก็พอไถ ๆ ตามน้ำเขาไปได้จนจบ
ดังนั้น คนที่เป็นเกมเมอร์หรือเคยเล่น Warcraft ย่อมดูสนุกกว่าคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อนอย่างเรา เพราะอย่างน้อยคุณจะพอรู้จักตัวละครนั้น ๆ อยู่แล้วบ้าง เข้าใจแบคกราวนด์ ความสัมพันธ์ และวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของแต่ละตัว ซึ่งคนที่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนเขาก็บอกเหมือนกันนะว่า ตัวภาพยนตร์ค่อนข้างเคารพต้นฉบับ และทำได้ดีกว่าหนังที่ดัดแปลงมาจากเกมเรื่องอื่น ๆ
สำคัญคือตัวหนังนั้นมาแนวเกมเมอร์เต็มรูปแบบทั้งมุมมองของฉาก ความลื่นไหลการดำเนินเรื่อง และอีสเตอร์เอ๊กของเกม Warcraft ที่มากันแบบจัดเต็ม แม้แต่คนที่ไม่เคยเล่นเกม Warcraft มาก่อนก็จะรู้สึกได้ไม่ยากว่ามันต้องมีอีสเตอร์เอ๊กใส่มาแบบจัดเต็มแน่ๆ ทำให้หนัง Warcraft: The Beginning เป็นหนังที่เก็บรายละเอียดจากเกมออกมาได้ดีมาก
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าบทเนื้อเรื่องในหนังบางช่วงจะเป็นจุดอ่อน เพราะเหมือนบทบางฉากจะถูกตัด บางฉากก็ดันไปยืดแบบไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ขาดไปก็คือการเล่าเรื่องเกริ่นนำอาณาจักรของฝั่งมนุษย์ ที่ทำให้คนดูหากไม่ใช่เกมเมอร์หรือคนที่ดูหนังแฟนตาซีมาก่อนอาจจะงงกับเผ่าพันธุ์ของเรื่องได้ กับอีกเรื่องก็คือเนื้อเรื่องมันไม่สุด เพราะว่าเป็นภาคต้นที่จะปูเนื้อเรื่องในภาคต่อไป ทำให้ที่เหลือต้องรอชมในภาคต่อไปแทน
ดูหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังใหม่
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ facebook 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *