รีวิว The Revenant
รีวิวหนัง ฮัลโหลลลทุกคน วันนี้ก็กลับมาอยู่กับแอดบีอีกแล้ว หลังจากหายไปหลายวันเลยย แงงง แต่ยังคฝงคิดถึงทุกคนเหมือนเดิมน้าค้าบบ แล้วแอดก็จะพยายามลงให้บ่อยกว่าเดิมเลยนะ ไม่ต้องน้อยใจกันไป วันนี้ก็อยู่กับเรื่อง The Revenant
ชื่อภาษาอังกฤษ : The Revenant
ชื่อภาษาไทย : เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : ดราม่า / ผจญภัย
ผู้กำกับ : Alejandro González Iñárritu
ผู้แต่ง : Michael Punke
ค่าย : 20th Century Fox
ความยาว : 156 นาที
ฉาย : 4 กุมภาพันธ์ 2016
เป็นเวลากว่า 5 ปีด้วยกัน หลังจาก ไมเคิล พังค์เก้ ได้ค้นคว้าและรวบรวบข้อมูล จากเรื่องจริงของบุรุษแห่งตำนาน ผู้ไม่ยอมตายอย่าง ฮิวจ์ กลาส จนกระทั่งผลงานการเขียนหนังสือเรื่อง The Revenant: A Novel of Revenge ก็ได้คลอดสู่สายตานักอ่านในปี 2002 และได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ ดัดแปลงสู่ผลงานฉบับภาพยนตร์ โดยผู้กำกับเกาหลี ปาร์คชานวุค ก่อนที่จะเปลี่ยนมือมาอยู่ในการกำกับของ อเลฮานโดร กอนซาเลซ อินาริตู ที่พึ่งคว้ารางวัลออสการ์จาก Birdman ไปเมื่อปี 2014 ร่วมกับช่างภาพคู่บุญอย่าง เอมมานูเอล ลูเบสกี้ ที่จะมาทำให้ทุกอณูของผลงานเรื่องนี้เป็นที่น่าจดจำและแตกต่างจากภาพยนตร์เอาตัวรอดเรื่องอื่นที่ทุกคนรู้จัก
![รีวิว The Revenant](https://reviewnunghit.com/wp-content/uploads/2022/05/MV5BMjE5NDMzNjEwNl5BMl5BanBnXkFt.jpg)
คำว่า “Revenant” นอกจากจะแปลว่า “ผู้กลับคืนสู่ถิ่น” แล้ว คำดังกล่าวยังหมายถึง “ผี” หรือ “วิญญาณ” ซึ่งตรงตามกับสิ่งที่ ฮิวจ์ กลาส ที่เลือกจะไม่ยอมตาย เพื่อกลับมาแก้แค้น นอกจากนี้ยังพ้องกับการกลับมาของ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ ที่จะมาช่วงชิงรางวัลออสการ์จากบทบาทระดับตำนานอีกครั้ง หลังจาก The Wolf of Wall Street ภาพยนตร์ผลงานเรื่องล่าสุดของเขาเมื่อ 2 ปีก่อนอีกด้วย
โดยสำหรับความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากจะได้นักแสดงหนุ่ม ลีโอนาโด ดิคาปริโอ (ที่พึ่งพลาดออสการ์จาก The Wolf of Wall Street ไปเมื่อปีก่อน) มารับบทนำ ท่ามกลางสารพัดความทรหดสุดตึงเครียดจากเบื้องหลังการถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศหนาวเหน็บท่ามกลางภูมิประเทศสุดโหดร้าย ที่มีการย้ายสถานที่ถ่ายทำบ่อยครั้งถึง 12 ประเทศ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรือมาตรฐานการถ่ายทำที่ไม่ปลอดภัยจนทำให้นักแสดงหลายคนได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนเทคนิคการถ่ายทำแบบตามลำดับเนื้อหา จากต้นจนจบ ที่ยิ่งทำให้เกิดข้อจำกัดด้านเวลายิ่งขึ้นเท่านั้น
![รีวิว The Revenant](https://reviewnunghit.com/wp-content/uploads/2022/05/the-revenant.jpg)
อีกความโดดเด่นของเรื่องนี้ ก็อยู่ตรงการถ่ายทำที่ไม่พึ่งการจัดแสงและเลือกใช้เพียงแสงธรรมชาติเพรียวๆ ทั้งหมด จาดไอเดียของผู้กำกับ อเลฮานโดร กอนซาเลซ อินาริตู ที่ต้องการทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นมหากาพย์การเอาชีวิตรอดที่สมจริงและเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง นี่จึงไม่น่าแปลกใจหาก The Revenant จะถูกขนานนามว่า มีความดราม่าเข้มข้นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังแบบสุดๆ จนคู่ควรกับการเข้าชิงหลายสาขารางวัลออสการ์ด้วยกัน
รีวิว The Revenant
เรื่องย่อ
โดยสำหรับเรื่องรางของ The Revenant – เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด นั้น เป็นการบอกเล่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในปี 1823 ของนักเดินทางชาวฟิลาเดเฟีย วัย 50 ปี ฮิวจ์ กลาส (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) ผู้สมัครเข้าร่วมเดินทางสำรวจแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ของกัปตัน แอนดรูว์ เฮนรี่ พร้อมกับลูกชาย ก่อนที่กลาสจะถูกหมีกลีซลี่ย์ทำร้ายปากตาย
กลาส กลายเป็นตัวถ่วงคณะเดินทางให้ล่าช้าลงในทันที แต่แล้วเพื่อนของเขา จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ (ทอม ฮาร์ดี้) ผู้เคยเป็นอาชญากรและหนีมาอยู่ในคณะสำรวจ กลับได้สังหารลูกชายของกลาส พร้อมทั้งจับเขาฝังกินทั้งเป็น และทิ้งเขาไว้ตามลำพัง ท่ามกลางป่าที่ห่างไกลจากผู้คนกว่า 200 ไมล์ เพื่อทำให้ปัญหาการเดินทางจบลง
![](https://reviewnunghit.com/wp-content/uploads/2022/05/o2i1qk7kziIIfxUkQQZ-o.jpg)
ไฟแค้นถูกสุมขึ้นกลางอกกลาส จากการถูกทรยศและการถูกพราก “สิ่งสำคัญเพียงสิ่งเดียวในชีวิต” ก่อเกิดเป็นพลังฮึกสู้และทำให้เขาลุกขึ้นมาจากหลุม เพื่อชำระแค้นครั้งนี้! โดยไม่มีใครเคยพึงระวังเลยว่า เบื้องหลังของกลาสนั้น เคยเป็นใครมาก่อน !?
![](https://reviewnunghit.com/wp-content/uploads/2022/05/o22npkhs9ovCINOYGTg-o.jpg)
ภาพยนตร์ที่เป็นการทุ่มเทครั้งสำคัญของ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ ทั้งการอดทนความทรหดของสภาพอากาศสุดหนาวเย็น หรือการกินเนื้อดิบ ตลอดจนทนต่อความเจ้าอารมณ์ของผู้กำกับ ที่อาจร้ายยิ่งกว่าการที่เขาถูกหมีทำร้าย มาดูซิว่าผลลัพธ์ของภาพยนตรืเรื่องนี้จะออกมาน่าดูน่าชมขนาดไหน พิสูจน์กันได้ใน The Revenant – เดอะ เรเวแนนท์ ภาพยนตร์ดราม่าที่มีเกณฑ์เข้าชิงออสการ์ – 4 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์!
ความรู้สึกส่วนตัว
อยากเห็น-ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ได้ออสการ์มากอดซะที(เข้าชิงเป็นครั้งที่ 5 ,ที่ผ่านมา 4 ครั้ง-พลาดหมด)
กับบทบาทความอึด,ทรหด เพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทั้งบาดเจ็บสาหัส เหน็บหนาว เปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง—ทุกข์ทรมาน ชนิดบั่นทอนสภาพกายและสภาพจิตใจ ประดังโถมเข้าใส่แทบบ้าคลั่ง
นอกจากต้องเจ็บปวดรวดร้าวกับบาดแผลที่กายแล้ว ยังมีบาดแผลในใจ ที่สุมความแค้นเอาไว้เต็มอก…“ต้องรอด”,จึงเป็นคำสั่งเดียวเท่านั้นที่เขาต้องบอกกับจิตวิญญาณของตัวเอง
![](https://reviewnunghit.com/wp-content/uploads/2022/05/36190303revenant-1280a-144918808.jpg)
ช่วงกลางเรื่องเป็นการโชว์ศักยภาพของลีโอนาโดได้แบบถึงใจถึงอารมณ์มากๆ หลายคนอาจบอกมันคือการแสดงที่ดีที่สุดของลีโอนาโอ แต่ผมกลับมองว่ามันคือการแสดงที่ดีที่สุดของนักแสดงทุกคนในพิภพนี้เลยดีกว่า ( มันขนาดนั้นเลยหรอวะไอ้ทิด ) ถ้าคุณได้ดูคุณจะรู้ว่าผมพูดไม่ได้เว่อร์เกินจริงเลยซักนิดเดียว สีหน้าแววตาทำให้เชื่อว่าเค้าคือตัวละครนั้นจริงๆ ไม่ใช่ ลีโอนาโอ หรือ แจ็ค ดอวสัน ที่เราเคยรู้จักกันมาอย่างดี ..
.. อีกสิ่งที่สวยงามของหนังที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูสนุกคือความสวยงามของสถานที่โลเคชั่นต่างๆ ไม่รู้ว่าผู้กำกับเค้าไปหาฉากพวกนี้มาจากไหนนักหนา เพราะตามข้อมูลหนังเรื่องนี้ถ่ายทำจากสถานที่จริงเกือบทั้งหมด แสงและเงาต่างๆคือของจริง จะถ่ายฉากแดดอ่อนๆรำไรๆ ก็ต้องรอเวลาเพื่อให้ได้มันมา ซึ่งหนังใช้เวลาถ่ายทำถึง 8 เดือนในสถานที่พวกนี้ น่ากระแทกมือให้ทีมงานและนักแสดงเหล่านี้จริงๆ … บรรยากาศที่หนังนำเสนอออกมาทำให้คนดูหนาวตามตัวละครไปด้วยเลย คือถ้าเป็นพวกเราชาวสยามคงไปตั้งแต่วันแรกแล้ว ขนาดช่วงก่อนที่หนาวๆกันยังทรมานแบบสุดๆ แล้วถ้าเจอเหตุการณ์แบบในหนังมันจะขนาดไหนวะเนี่ย ..
..ในด้านของเนื้อเรื่อง ไม่มีคำว่าน่าเบื่อแวปเข้ามาในหัวสมองที่เต็มไปด้วยขี้เยื่อของผมเลยซักนิดเดียวววว หนังสะกดคนดูให้ติดตามตั้งแต่วินาทีแรกของหนังยันจบเรื่อง หลายคนที่อ่านเรื่องย่อมาอาจคิดว่ามันคือหนังตามล้างแค้นแบบทั่วๆไปรึเปล่า ขอตอบเลยว่า ใช่ละ มันคือหนังตามล้างแค้นทั่วๆไป 555555555 แต่หนังมีสิ่งที่เหนือกว่านั้น คือหนังนำเสนอการดำเนินเรื่องตัวละครหลักได้โคตรสนุกแบบสุดๆ และก็ทำตัวร้ายออกมาได้อย่างทรามแบบสุดขั้ว บวกกับการแสดงขั้นเทพของทั้ง ลีโอนาโอ กับ ทอม ฮาร์ดี้ ผมจึงหาจุดบกพร่องของหนังที่จะเอามาทำเท่ห์หักคะแนนไม่เจอเลยจริงๆ
![](https://reviewnunghit.com/wp-content/uploads/2022/05/Tom-Hardy-The-Revenant.jpg)
ที่ชอบมาก ๆ เลยก็น่าจะเป็นงานด้านภาพ โลเกชั่นที่เป็นฉากหลังของเรื่องราวนั้น-งดงามจับจิตจับใจกันเลยเชียวหล่ะ
(ได้ยินมาว่าถ่ายทำภายใต้แสงธรรมชาติล้วน ๆ)
ฉากที่พระเอกต่อสู้กับหมีนั้นก็น่าจะติดตรึงเป็นฉากตื่นตาประทับใจ-เข้าขั้นคลาสสิก..ไปอีกนาน
ฉากต่อสู้-ไล่ล่ากับอินเดียแดงก็รังสรรค์ออกมาได้อย่างระทึกใจ
ดูจบแล้วก็ได้แง่คิดอะไรดี ๆ หลายอย่าง,อย่างน้อยก็มีกำลังใจ-ได้แรงบันดาลใจในการต่อสู้กับชะตาชีวิต-ต่อไป
สรุป The revenant คือหนัง ระดับคุณภาพ ที่คุณไม่ ควรจะพลาด หนังดูง่ายดูสนุก ไม่มีอะไร ซับซ้อน ถ้ามีเวลา ผมจัด อีกรอบ แน่นวลลลล ฉากท้าย เรื่องคือส่วนที่พีคที่สุดของหนัง มันคือการต่อสู้กันที่สมจริงแบบสุดๆ จนได้ยินเสียงครางในลำคอของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ และเสียงซี๊ดซ๊าดของคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง หนังมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง ถึงแม้มันจะดูยาวนาน แต่มันคือช่วงเวลาที่คนรักหนังแบบผมโหยหา และมีความสุขกับสิ่งที่นั่งดูมาก แอบคิดในใจหนังคงไม่ทำเงินถล่มทลายเหมือนหนัง Super hero แต่หนังมันมีคุณค่าขนาดที่ดูหนังจบผมบอกกับตัวเองว่า ผมคงเป็นหนึ่งในคนรักหนังที่โชคดีมากๆที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนต์