รีวิว The Dark Knight

ดูหนัง โย้ววววววทุกคนนน มาคุยกับ แอด บี กันเช่นเคย วันนี้เราจะมา รีวิว หนังที่กำลังมาแรง ในปีนี้ ถ้าพุดถึงไอ้ค้างคาว ก็คงนึกถึงแบตแมน และ ถ้าหาก พูดถึงตัวตลก ทุกคนก็คงนึกถึง โจ๊กเกอร์สุดเท่ห์ แต่ในเรื่องนี้นั้น ทั้งสองคนได้มาปะทะกัน แต่เนื้อเรื่องจะเป็นยังไง ไปอ่านรีวิวกันเล้ยยย ลุยยย….
หลังจากที่แบทแมนร่วมมือกับสารวัตรเจมส์ กอร์ดอน ออกกวาดล้างเหล่าทรชนในเมืองก็อตแธมจนเป็นที่โจษจัน คุณภาพชีวิตเมืองก็อตแธมก็ดีขึ้นมาก แต่ก็ยังมีชาวเมืองบางส่วนที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของแบทแมนเพราะดูเหมือนตั้งตนเป็นศาลเตี้ยพิพากษาคนร้าย อย่างไรก็ตาม ก็อตแธมก็ปรากฏวีรบุรษคนใหม่ที่เล่นตามกติกาของบ้านเมืองนั่นคือฮาร์วี่ย์ เดนท์ อัยการหนุ่มไฟแรงที่ไม่เกรงกลัวต่อผู้ร้ายหน้าไหน จนได้รับฉายาว่าเป็น “อัศวินม้าขาวแห่งก็อตแธม” (Gotham White Knight)
รีวิว The Dark Knight
ขณะเดียวกันทางฝั่งของแก๊งต่าง ๆ ที่กำลังอยู่ไม่สุขเพราะโดนขัดขวาง ก็มีแผนใหม่ที่จะรับมือกับเหล่าวีรบุรุษ โดยการนำของโจ๊กเกอร์ ชายแต่งหน้าเป็นตัวตลกมีรอยแผลเป็นที่อาสาจะกำจัดแบทแมนให้โดยไม่เลือกวิธีการ โจ๊กเกอร์จัดการก่ออาชญากรรมและวินาศกรรมป่วนไปทั่วเมืองอย่างคาดเดาไม่ได้ และสังหารผู้บริสุทธิ์ไปหลายคนโดยเรียกร้องให้แบทแมนออกมาเผยโฉมหน้าของตัวเอง มิฉะนั้นจะต้องมีคนตายทุกวัน หลังจากหารือกันแล้ว บรูซ เวย์น ตัดสินใจจะเผยตัวจริงของตนเองต่อหน้าสื่อ แต่ฮาร์วี่ย์ เดนท์ กลับชิงแกล้งเผยตัวไปก่อนว่าตนเองคือแบทแมน และยอมโดนจับไปเพื่อให้โจ๊กเกอร์หยุดการก่อเหตุเสีย
แต่โจ๊กเกอร์ก็ได้วางแผนจับตัวเดนท์ไปในระหว่างการส่งตัวเดนท์เข้าสู่ที่คุมขัง แต่นั่นกลับเป็นแผนการของทางแบทแมนและกรมตำรวจเองที่จัดฉากเพื่อล่อโจ๊กเกอร์ออกมาติดกับ อย่างไรก็ตาม โจ๊กเกอร์ก็มีแผนรับมือไว้แล้วโดยการจ้างตำรวจเลวในสถานีตำรวจให้ทำการลักพาตัวเดนท์และราเชล ดอว์ส อดีตคนรักของแบทแมนไปซ่อนไว้ในสถานที่สองแห่ง และอาศัยช่วงที่แบทแมนและตำรวจออกไปช่วยทั้งคู่ ระเบิดสถานีตำรวจหลบหนีออกมาได้ ระหว่างนั้นแบทแมนตกลงจะไปช่วยราเชล และให้กอร์ดอนไปช่วยเดนท์ แต่กลับพบว่าโจ๊กเกอร์บอกสถานที่สลับกันเพื่อให้เกิดความสับสนต่อแบทแมน โดยทางตำรวจช่วยราเชลไม่ทันทำให้ราเชลโดนระเบิดเสียชีวิต ส่วนแบทแมนช่วยเดนท์ออกมาได้ แต่เดนท์ก็ถูกไฟไหม้ไปครึ่งตัวเนื่องจากเปื้อนน้ำมันตอนพยายามจะหลบหนีออกมา
รีวิว The Dark Knight
เดนท์ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาร่างกายซีกซ้ายที่ถูกไฟไหม้ แต่ก็ปฏิเสธการใช้ยาระงับปวด เพราะต้องการจะรับรู้ความเจ็บปวดของราเชลที่เสียชีวิตไป และทำให้เดนท์เกิดความแค้นต่อกอร์ดอนที่ช่วยราเชลออกมาไม่ได้ เมื่อกอร์ดอนมาเยี่ยมเดนท์ เดนท์ได้ให้กอร์ดอนเอ่ยสมญานามของตนเองสมัยที่ยังทำงานกับกรมตำรวจอยู่กอร์ดอนปฏิเสธแต่ถูกเด้นคาดคั้น จึงยอมพูดถึงนิสัยต่อหน้าและลับหลังไม่เหมือนกันของเดนท์ออกมาว่าถูกตำรวจคนอื่นเรียกว่าเป็น “ฮาร์วี่ เดนท์ คนสองหน้า” (Two Face) หลังจากกอร์ดอนกลับไปแล้ว โจ๊กเกอร์ก็ได้เข้ามาหาและกล่อมให้เดนท์แก้แค้นคนที่ทำลายชีวิตของตนเองและราเชลให้สิ้น จากนั้นจึงระเบิดโรงพยาบาลทิ้ง
และออกข่าวว่าได้วางระเบิดไว้ในหลายสถานที่ในก็อตแธมแล้ว ใครที่ไม่อยากตายให้ย้ายออกไปให้หมด และส่งข่าวถึงแบทแมนว่าได้วางระเบิดไว้บนเรือสองลำ ลำหนึ่งเป็นเรือขนย้ายนักโทษจากเรือนจำ และอีกเรือนมีประชาชนผู้อพยพ โดยเรือลำไหนที่กดสวิทซ์ระเบิดเรืออีกลำได้ก่อนก็จะรอด โดยโจ๊กเกอร์มีจุดประสงค์เพื่อให้ชาวเมืองหมดศรัทธาในความดีงามนั่นเอง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีเรือลำไหนยอมกดระเบิดเลย แบทแมนอาศัยจังหวะที่โจ๊กเกอร์กำลังจะกดสวิทซ์ระเบิดเรือเข้าจับโจ๊กเกอร์ไว้ได้ และพิสูจน์ให้เห็นว่าชาวเมืองยังมีศรัทธาอยู่ โจ๊กเกอร์กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าเขาจะเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อของแบทแมนไปตลอดกาล
แต่แบทแมนยังมีภารกิจเหลืออยู่ นั่นคือตามตัวเดนท์ ที่ออกตามแก้แค้นคนที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียของตัวเองทุกคน และสุดท้ายก็ได้จับลูก ๆ ของกอร์ดอนเป็นตัวประกัน โดยในขณะที่เดนท์โยนเหรียญเพื่อตัดสินว่าจะฆ่าหรือไม่ฆ่าลูกของกอร์ดอน แบทแมนได้เข้าแย่งชิงปืนของเดนท์ ทำให้เดนท์ตกจากอาคารเสียชีวิต แบทแมนจึงกำชับกอร์ดอนว่าให้ออกข่าวว่าตนเองเป็นคนฆ่าอาชญากรทั้งหมด รวมทั้งเดนท์ด้วย เพื่อไม่ให้อัศวินม้าขาวอย่างฮาร์วี่ย์ เดนท์ ต้องแปดเปื้อน
และให้ประชาชนชาวก็อตแธมยังมีศรัทธาในกฎหมายอยู่ แม้ตนเองจะต้องถูกตามล่าจากตำรวจหรือถูกประชาชนรังเกียจก็ตาม ในฉากสุดท้าย ลูกชายของกอร์ดอนถามว่า แบทแมนช่วยชีวิตผู้คนไว้ ทำไมต้องถูกตามล่า กอร์ดอนจึงตอบว่าแบทแมนคืออัศวินที่ก็อตแธมต้องมี แต่ยังไม่เป็นที่ต้องการ เขาจึงยอมแบกรับความผิดไว้ และจะเฝ้าคอยดูแลเมืองอยู่ในความมืดมิด ในฐานะของ “อัศวินรัตติกาล” (The Dark Knight) ดูหนังฟรี
รีวิว The Dark Knight
หลังจากที่ผมได้มีโอกาสพูดถึง Batman Begins ไปแล้ว เลยถือโอกาสต่อยอดพูดถึงที่สุดแห่งไตรภาคBatmanของChristopher Nolan ไปด้วยซะเลยครับ หนังเรื่องนี้ผมดูในโรงหนังไปถึงสองรอบนะครับและในรอบที่สองที่ดูในโรงความสนุกกลับไม่ได้ลดลงเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเป็นเพราะบทพูดเฉีอดเฉือนของตัวละครแต่ละตัว, ฉากactionที่ไม่ได้เยอะมากจนเกินไปแต่สามารถสร้างimpactได้ดีซะเหลือเกินในทุกๆซีน บวกกับการแสดงที่สุดยอดของ Heath Ledger ในบทของJoker ที่ยียวนกวนประสาททั้งยังแสดงความจิตป่วยออกมาได้อย่างเต็มmaxครับ ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายนะครับที่นักแสดงหนุ่มผู้นี้รีบจากโลกไปซะก่อนไม่งั้นเราอาจได้มีโอกาสเห็นเขากลับมารับบทนี้อีกก็เป็นไปได้
หลังจากในตอนท้ายเรื่องของBatman Begins เราได้เห็นไพ่ปริศนาซึ่งเป็นการบอกถึงการกลับมาของJokerสู่จอภาพยนต์อีกครั้งครับ ซึ่งต้องให้creditทีมcasting นักแสดงจริงๆครับที่ได้เลือกHeath Ledger มารับบทJokerตัวร้ายตลอดกาลของBatman ซึ่งก่อนหน้านี้ผมติดภาพเขาในบทอัศวินสุดหล่อในเรื่อง A Knight’s Tale จึงทำให้การมารับบทครั้งนี้ของเขาเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงจริงๆครับ ซึ่งแน่นอนว่าในหนังSuper Hero ส่วนมากในภาคแรกจะfocusไปที่ตัวHero เป็นหลักแต่ในภาคต่อนี้ตัวร้ายจะเป็นตัวสำคัญในการสร้างสีสันและความสนุกครับ เนื่องจากเราได้รู้ไส้รู้พุงของHeroไปหมดแล้ว ซึ่งในภาคต่อHero อาจจะมีการงัดอาวุธใหม่ๆหรือความสามารถใหม่ๆออกมาบ้างก็เป็นได้ แต่สำหรับBatmanนี้อย่างที่รู้ๆกันว่าความสามารถของเขานั้นมีข้อจำกัดอยู่เนื่องจากเขาเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้มีพลังเหนือธรรมชาติครับ ฉะนั้นจึงเพิ่งอาวุธและเทคโนโลยีเป็นหลักซึ่งผู้คนก็พอจะคาดเดากันได้อยู่แล้ว ฉะนั้นหนังเรื่องนี้จะทำให้คนดูรู้สึกทึ่งอึ้งเสียวได้อย่างไร หน้าที่นั้นจึงตกมาอยู่ที่ตัวร้ายหลักของเรื่องอย่างJokerครับ
ภาคนี้เล่าเรื่องหลังจาก Batman Begins ได้ไม่นานครับหลังจากที่เหล่าอาชญากรในเมืองGothamเริ่มลดลงเพราะความกลัวที่มีต่อBatman เหล่าแก๊งค์ต่างๆได้รวมตัวกันเพื่อป้องกันตัวจากBatman และวายร้ายโนเนมผู้มีแผลปากฉีกและซ่อนใบหน้าภายใต้make upอย่างJokerก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่ออาสาที่จะเป็นคนกำจัดBatman ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าJokerเป็นใครหรือมีอดีตยังไงครับในเรื่องแต่เขาค่อยๆวางแผนเพื่อสังหารคนสำคัญในเมืองGothamไปทีละคนทีละคน โดยที่ปล่าวประกาศว่าใครที่เป็นBatmanถ้ายอมเปิดเผยตัวตน เขาจะหยุดการสังการทันทีครับ เพราะการที่Batmanถอดหน้ากากนั้นก็หมายถึงการที่Batmanก้าวสู่จุดจบนั้นเองครับ เพราะถึงแม้สิ่งที่Batmanทำอยู่จะช่วยให้สังคมน่าอยู่ขึ้นและมีอาชญากรน้อยลงแต่ก็มีคนในสังคมไม่น้อยครับที่ไม่ยอมรับและสนับสนุนสิ่งที่Batmanทำอยู่เพราะไม่ได้เป็นการกระทำภายใต้กฏหมาย ในขณะเดียวกันก็มีอัศวินม้าขาวอย่างHarvey Dentโผล่ขึ้นมาในเมืองGothamครับในฐานะอัยการผู้ที่อาสาจะลากเหล่าอาชญากรทั้งหลายมาลงทัณฑ์อีกทั้งเขายังเป็นขวัญใจคนใหม่ของRachelอดีตคนรักของBruceอีกด้วย ซึ่งBruceก็ยอมรับและเคารพการตัดสินใจของเธอครับ แต่เนื่องจากHarveyกำลังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมในเมืองนี้ Jokerจึงหมายหัวและนั้นก็ทำให้เรื่องราวมาถึงจุดหักเหและการห่ำหั่นชิงไหวชิงพริบระหว่างBatmanผู้ที่เชื่อมั่นในความยุติธรรมและต้องการที่จะกำจัดเหล่าอาชญากรเพื่อGotham กับJoker ผู้ที่ต้องการเห็นความพินาจและความวุ่นวายของสังคมอีกทั้งยังมีความเชื่อที่ว่าแม้คนที่ดีที่สุดถ้าถึงจุดๆหนึ่งก็สามารถจะต่ำช้าเลวทรามได้ไม่แพ้กัน

รีวิว The Dark Knight ตัวละคร

 

 

Bruce Wayne / Batman (Christian Bale) ในภาคนี้เล่นได้เป็นธรรมชาติมากครับทำให้เราเข้าใจไปแล้วว่าเขาเป็นBruceและBatmanจริงๆซึ่งเขาทำให้ฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับJokerแต่ละซีนกลายเป็นที่น่าจดจำครับ
Joker (Heath Ledger) เป็นการแสดงของเป็นอะไรที่สร้างความแตกต่างและยกระดับให้หนังเรื่องนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ สมแล้วครับที่เป็นบทที่ทำให้เขาได้รางวัลOscar สาขานักแสดงสมทบชายในปี 2009 เท่าที่ทราบมาเขามีส่วนให้การสร้างCharacter Jokerตัวนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองด้วยครับ เช่นอาการเลียปากซึ่งจะเห็นได้ตลอดทั้งเรื่องซึ่งเป็นอาการของคนที่มีอาการปากฉีกครับ และหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาเพิ่มเติมเข้าไปในการแสดงเพื่อให้Jokerดูโรคจิตและเข้าถึงได้ยากมากขึ้นครับสำหรับคนปกติอย่างเราๆ
Rachel Dawes (Maggie Gyllenhaal) เข้ามารับบทขวัญใจBruce Wayne แทนที่Katie Holmesครับ ซึ่งผมว่าเธอแสดงได้ดีกว่า Katie นะครับถึงแม้จะดูไม่สวยใสเท่าก็ตาม
Harvey Dent (Aaron Eckhart) ผมรู้สึกว่า Aaronแสดงออกมาได้ดีมากถึงมากที่สุดครับ ดีจนกระทั่งออร่าของเขาทำให้ผมหลงคิดว่าเขาเป็นพระเอกแล้ว Christian Baleเป็นพระรองไปซะงั้น
Alfred (Michael Caine) มีบทคมๆที่พูดกับBruce Wayneที่เปรียบเปรยความไร้เหตุผลตรรกะของคนบางคนที่ไม่อาจจะเข้าใจได้ครับ ยอมรับว่าบทพูดของเฮียแกถ้าไม่ตั้งใจฟังละก็ งง ใช่ย่อยอยู่เหมือนกันครับ ยังไงผมก็ยังหลงรักเสียงสำเนียงของMichael Caine อยู่ดีครับ
Jim Gordon(Gary Oldman) ในภาคนี้Gordonได้เลื่อนขั้นมาเป็นหัวหน้าในกรมตำรวจอย่างเต็มตัวครับ อีกทั้งบทยังเด่นและน่าสนใจมากขึ้นกว่าภาคที่แล้วด้วยครับ ซึ่งแน่นอนว่าGary Oldmanสามารถถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี

สรุปรีวิว หนัง

 

ต้องยกนิ้วโป้งให้นักแสดงทุกคนเลยครับเพราะทั้งนักแสดงหลักหรือสมบทสามารถทำหน้าที่ของตนเองออกมาได้ดีมากและเป็นหนังที่เก็บรายละเอียดเรื่องของบทพูดเนี๊ยบและเฉียบมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดวิสัยของหนังSuperhero ส่วนมากที่จะขายความอลังกาลมากกว่าบทพูดครับ ต้องชื่นชมChristopher Nolanจริงครับที่สามารถยกระดับหนังHero ให้สามารถก้าวเข้าสู่Oscarได้ เพราะหนังเรื่องนี้ชนะOscarไปถึง2รางวัลจากรางวัลนักแสดงสมทบชายของHeath Ledger  และรางวัล Best Sound Editing ซึ่งก็คือการตัดต่อเสียงยอดเยี่ยมครับ อีกทั้งยังเข้าชิงอีกถึง 6 รางวัลครับ โอ้แม่เจ้านี่มันเหลือเชื่อจริงๆ
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ให้ความบังเทิงบวกกับสาระนะครับ ซึ่งข้อเสียก็คือสำหรับเด็กอาจจะเข้าใจเนื้อหาและเข้าถึงบทพูดของตัวละครต่างๆยากหน่อยเพราะมีการเปรียบเปรยและบทสนทนาที่เข้าใจยากเยอะแยะเต็มไปหมดซึ่งถ้าเก็บไม่หมดอาจจะขาดอรรถรสในการชมได้ครับ สำหรับผมหนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่คู่ควรแก่การเสียเวลาดูมากครับเพราะมีทั้งเนื้อเรื่องที่เข้มข้นการต่อสู้ที่มีชั้นเชิงอีกทั้งคุณจะได้เห็นการแสดงที่ทรงพลังของนักแสดงทุกคนในเรื่องครับ ในช่วงท้ายของเรื่องคุณจะได้รู้ว่าสิ่งที่ Jokerทำทั้งหมดนั้นเพื่อต้องการพิสูจน์อะไร ซึ่งในแง่ของภาพยนต์แล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังHeroที่หลุดกรอบของหนังHeroปกติไปไกลมาครับเพราะมันลึกกว่าและการต่อสู้ที่ไม่ได้ใช้แค่พละกำลังเข้าว่าแต่เป็นการต่อสู้ด้วยอุดมการณ์และจิตวิทยาด้วยครับ
ซึ่ง Nolan ไม่เคยกำกับหนังฟอร์มยักษ์มาก่อน แต่ก็มีผลงานที่เป็นที่พูดถึงอย่างมากจาก Memento (2000) เขาถูกจ้างให้มาสังคายนาแฟรนไชส์อัศวินรัตติกาลเสียใหม่ ล่าสุดระหว่างที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง IndieWire ถึงหนังสือเล่มใหม่ที่กำลังวางจำหน่ายในตอนนี้ชื่อ “The Nolan Variations” ก็ได้ย้อนเล่าถึงการสร้างหนังเรื่องนั้นในฐานะของผู้กำกับหน้าใหม่ต่อหนังแนวฮีโรที่ต้องมารับผิดชอบการคืนชีพ Batman ให้สำเร็จ
ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากสำหรับทั้งแฟรนไชส์ Batman และตัวผมเองที่จะทำการเล่าเรื่องใหม่ในตอนนั้น เรื่องราวต้นกำเนิดก่อนเขาจะเป็น Batman ยังไม่เคยถูกเล่าในฉบับภาพยนตร์มาก่อนหรือเล่าอย่างชัดเจนในฉบับคอมิก นั่นทำให้เราไม่ถูกกดดันที่จะต้องเล่าออกมาให้เหมือนหรือต่างจากฉบับคอมิก เทียบกับหนัง Superman ที่แสดงโดย Christopher Reeve และกำกับโดย Richard Donner ซึ่งเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดไว้อย่างละเอียดแล้ว นี่จึงเป็นโอกาสที่เหมาะมากสำหรับผมที่จะเล่าเรื่องราวนี้ในแบบฉบับของผมเอง” Nolan กล่าว
เขายังเล่าต่อด้วยว่า “ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการสร้างตอนนั้น พวกเราสร้าง Batman Begins อย่างที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสสร้างภาคต่อไปไหมในตอนนั้น เราไม่คิดว่าหนังจะประสบความสำเร็จและเผื่อใจกันไว้พอสมควร แต่นั่นก็ทำให้ทีมงานมีเวลามากพอสมควรในการค่อย ๆ ปั้น The Dark Knight ออกมาในอีก 3 ปีให้หลัง โดยที่สตูดิโอก็ไม่ได้มาเร่งให้เราสร้างหนังออกมาแบบเร็ว ๆ และไม่ได้คุณภาพ ซึ่งมันจะทำให้หนังกลายเป็นหนังฮีโรดาด ๆ และเกร่อ ๆ เรื่องหนึ่ง ผมคิดว่าความสำเร็จของหนังขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ด้วย”
ความสำเร็จของ The Dark Knight (2008) นั้นก็ไม่เกินเลยไปจากที่ Nolan พูด เพราะหนังสามารถทำรายได้ข้ามหลัก 1,000 ล้านเหรียญฯ ทั่วโลกได้เป็นเรื่องแรกของ Warner Brothers, แฟรนไชส์หนังฮีโรของ DC และแฟรนไชส์ของ Batman เอง นอกจากนั้นหนังก็ยังชนะ 2 สาขารางวัลออสการ์ (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Heath Ledger) และผสมเสียงยอดเยี่ยม) และได้เข้าชิงอีก 6 สาขารางวัล แต่การที่หนังไม่ได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมก็กลายเป็นข้อครหาและทำให้หลังจากปีนั้น คณะกรรมการออสการ์จึงปรับจำนวนเรื่องของหนังที่จะเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมให้ไม่ต้องจำกัดอยู่แค่จำนวน 5 เรื่องอีกต่อไป
บทภาพยนต์: 9/10
ความสนุก: 8/10
การตัดต่อภาพและเสียง:9/10
ดูหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังใหม่
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ facebook 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *