รีวิว The 5th Wave

 

 

รีวิว The 5th Wave

รีวิวหนังฮิต  สืบเนื่องจากเมื่อคืนก่อน แอดบี ไม่รู้จะดูหนังอะไรดีเลยไปโพสต์ ถามสมาชิกในเพจ ว่าเรื่องนี้สนุกไหมน้าา และ หลายคนในเพจของแอด ก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่าสนุกแถมยังจบแบบค้างๆอีก ไอเราก็เลยตั้งใจดูมัน และ ก็มาเขียนรีวิวให้คนที่ยังไม่ดูได้รู้กันเลย

เรื่องย่อ โลกถูกมนุษย์ต่างดาวโจมตีถึง 4 ครั้งและ ครั้งที่ 5 นี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่มนุษย์ต่างดาวจะโจมตี เพื่อที่จะหยุดการโจมตีครั้งที่ 5 นี้ เหล่าเด็กๆถึงถูกเลือกไปทำภารกิจหยุดการโจมตีครั้งนี้

The 5th Wave อุบัติการณ์ล้างโลก หนังเล่าถึงการโจมตีโลกของมนุษย์ต่างดาวไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ โรคร้าย ซึ่งในช่วงแรกๆของหนังทำออกมาได้ดีมาก ดูน่าติดตาม แต่หนังกลับมาตกม้าตายเอาช่วงกลางๆเรื่องที่เปลี่ยนจากหนังภัยธรรมชาติกลายเป็นหนังรักวัยรุ่น เอาตัวรอด ซึ่งทำออกมาได้ไม่ดีนักมันออกแนวน่าเบื่อ หนังดูเล่าเรื่องรวดเร็วจนเกินไปทำให้คนดูไม่ค่อยอินกับตัวละคร แต่ก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมดเมื่อหนังในช่วงท้ายๆสามารถนำความสนุกลับมาได้อีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นหนังหวานต้นจืดกลางและกลับมาสนุกได้ในช่วงท้าย แถมการจบก็สื่อออกมาอย่างแน่นอนแล้วว่าต้องมีภาคต่อ แต่ไม่รู้ว่าจะมีรึเปล่าเพราะภาคนี้โดยรวมถือว่ายังไม่สนุกเท่าที่ควร

รีวิว The 5th Wave

 

ตัวละคร ในหนังตัวละครต่างๆดูไม่ค่อยมีเรื่องราวมากนัก มันเหมือนกับว่าถึงแม้ตัวละครนั้นจะตายไปคนดูก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร นั่นก็คงเป็นเพราะหนังไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครนั่นเอง จริงๆถ้าทำตรงจุดนี้ให้ดีเชื่อว่าหนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังดราม่าเรียกน้ำตาได้ดีเลยทีเดียว

บทอ่อน สืบเนื่องจากตัวละครที่ทำให้คนดูไม่ค่อยอินแล้ว บทของเรื่องก็ยังดูอ่อนเกินไปรู้สึกว่ามันตัดฉาก เล่าเรื่องได้ค่อนข้างมั่ว นี่ก็คงเป็นอีกจุดนึงที่ทำให้คนดูไม่รู้สึกอินไปกับหนัง ผมค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าหนังเพิ่มฉากภัยธรรมชาติ โรคร้าย และฉากต่อสู้ให้มากขึ้นมันอาจจะสนุกกว่านี้เพราะช่วงกลางเรื่องที่เป็นหนังรักวัยรุ่นทำออกมาได้น่าเบื่อสุดๆ

 

รีวิว The 5th Wave

 

สรุป เป็นหนังโลกแตกที่ตอนแรกคิดว่าเป็นหนังต่อสู้กับเอเลี่ยนแบบยิงๆ แต่แท้จริงแล้วมันคือหนังวัยรุ่นเอาตัวรอดอะไรแบบนั้น ถามว่าสนุกไหมมันก็กลางๆไม่ได้ดีไม่ได้ร้าย

เรื่องย่อ The 5th Wave อุบัติการณ์ล้างโลก

การโจมตีของมนุษย์ต่างดาวที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นสี่ระลอกได้ทำให้โลกส่วนใหญ่ต้องพังทลาย แคสซีกำลังหลบหนี พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยชีวิตน้องชายของเธอ แคสซี่ ซัลลิแวน นักเรียนมัธยมปลายชาวโอไฮโอมีอาวุธปืนสั้น M4 โผล่ออกมาจากป่าเพื่อบุกค้นปั๊มน้ำมันร้าง เมื่อเข้ามาเธอได้ยินเสียงผู้ชายร้องให้ขอความช่วยเหลือ เธอพบชายผู้บาดเจ็บซึ่งเล็งปืนมาที่เธอ แต่พวกเขาขอให้กันและกันวางอาวุธของตนลง มืออีกข้างของเขาอยู่ใต้เสื้อแจ็คเก็ตของเขา

ดูหนังได้ที่  เว็บดูหนัง  เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิว The 5th Wave

หนังเล่าถึงการโจมตีโลกของมนุษย์ต่างดาวไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ โรคร้าย ซึ่งในช่วงแรกๆของหนังทำออกมาได้ดีมาก ดูน่าติดตาม แต่หนังกลับมาตกม้าตายเอาช่วงกลางๆเรื่องที่เปลี่ยนจากหนังภัยธรรมชาติกลายเป็นหนังรักวัยรุ่น เอาตัวรอด ซึ่งทำออกมาได้ไม่ดีนักมันออกแนวน่าเบื่อ หนังดูเล่าเรื่องรวดเร็วจนเกินไปทำให้คนดูไม่ค่อยอินกับตัวละคร

เรื่องย่อหนัง หนัง The 5th Wave หรือชื่อไทยว่า อุบัติการณ์ล้างโลก ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยาย ชื่อดังของ ริค ยานซีย์ เมื่อโลกถูกมนุษย์ต่างดาวรุกรานด้วยการโจมตี 5 ระดับ ทำให้คนบนโลกต้องหนีเอาตัวรอด รวมถึงแคสซี่ ซัลลิแวน สาวที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันคับขันนี้ โดยเธอต้องร่วมมือกัย อีแวน วอล์คเกอร์ ในการฝ่าวิกฤตในครั้งนี้

 

 

ช่วงแรกๆ ที่มนุษย์ต่างดาวมันโจมตีนิ่งๆ เป็นระรอกๆ เนี่ยสนุกเพลินๆ ดีนะ ตอนที่เริ่มมีความเป็นพล็อตรักทไวไลท์เด็กโตกู้โลกมันก็ยังขำๆ อยู่ ในขณะที่ความเมคเซนส์ค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยจนไม่เหลือความน่าเชื่อถือกับทุกสิ่งอย่างในเรื่อง ทั้งการปล่อยสถานการณ์ให้หละหลวมเพื่อบังคับให้ตัวละครต้องเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง รวมถึงความคิดการตัดสินใจของตัวละครที่มันไม่ชวนเชื่อมันโหว่ไปหมด

จนมาถึงจุดหักมุมแบบทุบหัวคนดูไปหน่อยที่หนังไม่ได้ฮินท์ความเคลือบแคลงใจของตัวละครให้เห็นเลย อยู่ๆ ก็ฉลาดขึ้นมาซะงั้น ทั้งที่มันก็น่าสนใจและต่อยอดความสนุกกับสภาวะทางอารมณ์ได้อีกเยอะ แล้วความกระอักกระอ่วนในช่วงนั้นก็ไม่เชื่อมโยงกับคอนฟลิกต์ทางสังคมอุดมปัญญาอะไรเลย ก็แค่นำทางตัวละครให้รอดท่าเดียวโดยที่ไม่ปล่อยให้ตัวละครได้คิดได้รู้สึกและตัดสินใจเอง

พอเห็นว่าอ้าว..นี่มันหนังรวมตัวละครโง่ๆ ชัดๆ เลยนี่ เราก็เริ่มสนุกได้ขึ้นมาหน่อย กับการลุ้นให้ตัวละครหลักมันพากันฉิบหาย ให้ทหารโง่ฝั่งเอเลี่ยนยิงโดนซะบ้าง มีระเบิดตูมตามมันก็น่าโดนเศษอิฐทับซะด้วย ถึงจะรู้ดีว่าไม่เป็นผล

และแล้วก็มาถึงตอนจบกับการบอกธีมความเป็นมนุษย์ที่ก็ไม่ใช่ว่าทัศนคติมันเลวร้ายนะ แต่การพามาถึงจุดนี้แล้วใช้วิธีการบอกโต้งๆ แบบนี้ โดยผ่านโมโนล็อกตัวละครนางเอกของน้องโคลอี้ ทั้งที่มองจริงๆ แล้วตัวละครพวกนี้ก็ยังไม่ชนะหรือรอดปลอดภัยจากมนุษย์ต่างดาวจนจะสามารถกลั่นกรองธีมที่พูดนี้ให้คนคล้อยตามได้เลยนี่หว่า

รีวิวหนัง the 5th wave : อุบัติการณ์ล้างโลก (2016)

เพิ่งไปดูสดๆร้อนๆมาวันนี้เองสารภาพตรงๆว่าไปดูเพราะโคลอี้เลยไม่สนใจหนังแต่อย่างใดเอาละมาเข้าเรื่องดีกว่าตอนเห็นใบปิด รวมถึงตัวอย่างผมคิดว่าน่าจะเป็นหนังวันสิ้นโลกเอเลี่ยนถล่มเละเทะกับมนุษย์ แถมชื่อไทยก็พาให้เชื่อแบบนั้นไปอีก แต่ !! มันไม่ใช่ครับมันคือหนังรักครับเอ้อเพราะงั้นใครที่จะไปดูหนังวันล้างโลกแบบถล่มเละเทะให้ตายไปข้างหนึ่ง ไม่แนะนำให้ไปดูเรื่องนี้ไม่งั้นได้หัวเสียออกจากโรงแน่ๆ

 

มารีวิวตัวหนังเลยดีกว่า เนื้อเรื่องผมไม่รู้นะนิยายเป็นยังไงบ้างแต่ที่ไปดูในโรงหนังในช่วงแรกเดินเรื่องไวมากแถมตัดฉากที่ควรจะดึงดราม่าให้ได้มากกว่านี้ออกไปอีก เราก็เลยไม่ได้รู้สึกอินไปกับหนังอะไรเลย  จะมาสะเทือนใจนิดๆก็ปาไปกลางเรื่องแล้วแต่มันก็ไม่ได้มีอิมแพ็คมากมายอะไร

เสียงประกอบก็ถือว่าทำได้ดีนะแต่ยังดีไม่พอสำหรับผมนะเพราะผมยังไม่ค่อยอิน 5555   และก็เนื้อเรื่องเดาได้ง่ายพอสมควรแต่ก็ไม่ถึงกับง่ายไปหมดนะ ก็มีพลิกล็อคไปบ้าง ส่วนตรงที่บอกว่ามันเป็นหนังรักเพราะอะไรยังไงก็ไปดูในโรงดีกว่าพูดไปเดี๋ยวมันจะดูเป็นสปอยล์ แอบบอกนิดๆละกันมันเป็นหนังแนวๆคู่จิ้นเลยอ่ะ

ในช่วงท้ายของหนังน่าจะมีซีนดราม่าดึงอารมณ์มากกว่านี้แต่กลับไม่มีเลยดูแล้วรู้สึกเฉยๆ แบบก็สนุกนะระเบิดนั้นนี่ แต่มันก็รู้สึกสนุกแบบเฉยๆอะ ไม่ได้ว้าวอะไร  ส่วนการแสดงของโคลอี้ผมให้ผ่านอยู่แล้วเพราะผมลำเอียง 555 แต่ทุกคนก็แสดงดีแหละนะ (กลบเกลื่อนความลำเอียง) โลเคชั่นหนังก็ดูอุดมสมบูรณ์เกินไปนิดดูไม่เหมือนว่าโลกเคยโดนภัยพิบัติใหญ่ๆ

 

มาถึงช่วงสุดท้ายเกือบลืมแล้ว งาน CG ถือว่าทำได้ดีเลยอยู่ในระดับมาตรฐานนะ มีฉากแถวบ้านเราด้วยเจ๋งๆ  และก็สิ่งดีงามอีกอย่างของหนังเรื่องนี้คือเพลง Alive ของ Sia นี้ละครับผมนี่นั่งฟังเพลินเลย สรุปเลยดีกว่าก็เป็นหนังที่ดูเอาสบายๆไปเรื่อยๆมีโคลอี้มาให้เห็นสำหรับแฟนคลับเช่นผมก็คุ้มแล้วไม่ได้รู้สึกเสียดายตังเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่จะไปดูหนังล้างโลกอะไรทำนองนี้ไม่แนะนำให้ดู รวมถึงคนที่เอียนหนังประเภทคู่จิ้นด้วย

หลังจากที่ดองเขียนรีวิวหนังไปหลายวีค ก็เลยตั้งใจเคลียร์ให้หมด วันนี้ก็เลยจะมารีวิวภาพยตร์ที่ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ดูในโรงปี 2016 นี้ (ไม่นับ Daddy’s Home เพราะจริงๆ เข้าโรงตั้งแต่สิ้นปีก่อนแล้ว) ซึ่งก็คือภาพยนตร์เรื่อง The 5th Wave อุบัติการณ์ล้างโลก เป็นภาพยนตร์ Sci-fi ชุดภาคแรกจากไตรภาคที่สร้างจากนวนิยายขายดี บอกตรงๆ ว่าตอนแรกไม่ทราบเลยว่าเรื่องนี้สร้างจากนิยายจนได้หาข้อมูลเพิ่มเติทหลังจากดู เลยรู้ ฮ่าๆ ขอรีวิวแบบไม่เปรียบเทียบกับนิยายละกัน เพราะไม่เคยอ่าน เดี๋ยวไปอ่านเรื่องย่อของหนังก่อนที่จะไปอ่านรีวิวของตัวหนังกันเลยดีกว่า

ดูหนังได้ที่ หนังฟรี  หนังฟรี 

ความรู้สึกหลังดูจบ 

 

หลังจากที่ดูก็รู้สึกช็อคเบาๆ แบบว่าผิดคาดสุดๆ และเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงเป็นแบบผม จากทั้งตัวอย่างหนัง เราก็คิดว่าคงจะเป็นหนังแนว Sci-fi มนุษย์ต่างดาวบุกโลก ไล่ฆ่ามนุษย์ บลาๆ แต่กลับได้ดูหนังรัก วัยรุ่นใสๆ ประหนึ่งดูหนังเรื่องแวมไพร์ Twilight อยู่ยังไงยังงั้น ตัวหนังไม่ได้แย่อะไรมากนะสำหรับผม เพราะผมก็ชอบดูหนังแนวนี้อยู่ แต่ผมว่าคนส่วนใหญ่ที่มาดูก็คงคาดหวังกับหนังแนวนี้ว่าต้องมันส์ๆ ต้องบู้ล้างผลาญแน่ๆ ไม่คิดว่าจะกลายเป็นหนังรักหวานๆ แทน ซึ่งผมเองก็เป็นคนนึงที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลเลยว่าดัดแปลงมาจากนวนิยาย เพราะจุดประสงค์แรกที่ดูเลยเพราะ Chloë ล้วนๆ

ทางด้านนักแสดงจัดว่าดี Chloë Grace Moretz เล่นใหญ่มาก บทเด่น หนังเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเธอคนเดียว แต่ใช่ว่านักแสดงอื่นๆ จะน้อยหน้านะ ส่วนตัวผมชอบ Nick Robinson อาจจะเคยเห็นผ่านตาในเรื่อง Jurassic World ในบทสองเด็กแสบในเรื่อง ส่วนในเรื่องนี้รับบทเป็น Ben Parish หนุ่มสุดฮอต ร.ร. เดียวกับนางเอกที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างมนุษย์และหวังจะแก้แค้นแทนครอบครัว ผมว่าทักษะการแสดงของ Nick ดูมีเสน่ห์มาก เล่นประกบกับ Chloë น่าจะปังขึ้น

 

 

คาดว่าในอนาคตดังแน่นอน และก็ยังมี Alex Roe รับบทเป็น Evan Walker หนุ่มปริศนาที่คอยช่วยเหลือนางเอก สาวๆ หลายๆ คนคงได้เห็นหนุ่มคนนี้โชว์หุ่นในตัวอย่างภาพยนตร์ผ่านตากันไปบ้างแล้ว อยากเห็นเต็มๆ ตาคงต้องไปชมกันในโรง เตรียมกระดาษซับเลือดกันด้วยนะ อิอิ และอีกคนสาวอีโมขอบตาดำสุดโหด ผมจำชื่อนางไม่ได้ บทนางเด่นกว่าตัวประกอบอื่นๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยจะเด่นมากนักมีได้โชว์สกิลอยู่ 2-3 ฉาก หวังว่าบทเธอคงมีมากขึ้นถ้าเรื่องนี้ถูกสร้างภาคต่อ ส่วนนักแสดงคนอื่นสำหรับผมยังเฉยๆ ครับ ไม่ค่อยเข้าตาสักเท่าไหร่ บางคนก็บทน้อยๆสักแบบว่า ไม่ต้องมีก็ได้นะ

ด้านกราฟฟิคค่อนข้างโอเคเลยครับ ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเบนไปทางโรแมนติกซะมากกว่า แต่ก็ไม่ทิ้งในส่วนของกราฟฟิคสไตล์หนัง Sci-fi เช่น ฉากสึนามิ จู่โจ่มในแต่ละเมืองก็อลังการมากๆ เลย แอบเห็นประเทศไทยด้วยนะ หุหุ และก็ CG ยานของเหล่าผู้มาเยือนที่มาจากต่างดาวก็ทำออกมาได้โอเคอยู่นะ

ในส่วนของบทและการดำเนินเรื่อง เนื่องจากหนังสร้างจากนิยายไตรภาค อะไรหลายๆ อย่างก็เลยยังไม่เคลียร์ในภาคเดียว จบแบบดื้อๆ ดำเนินเรื่องค่อนข้างสโลว์ไลฟ์ไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่นักสำหรับตัวผม ก็ดึงผมให้ดูได้ก็เพราะตัว Chloë แต่กระแสเปิดตัวหนังไม่ค่อยดีนัก ในบรรดาหนังที่สร้างจากนวนิยาย เปิดตัวไม่ค่อยบูมเท่าเรื่องอื่นๆ คงต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าเราจะได้ชมภาคต่อของภาพยนตร์ชุดนี้รึป่าว

สรุปเลยละกันนะครับ สำหรับคะแนนรีวิวให้ 6/10 เกรดหนังให้ B- ยังพอไปได้สำหรับผม แอบหวังว่าจะได้ดูภาคต่ออยู่เหมือนกัน ใครที่ชื่นชอบหนังสร้างจะนิยาย แนวรักวัยรุ่น อารมณ์ Twilight ผมว่าดูเรื่องนี้แล้วไม่ผิดหวังนะ แต่ถ้าใครอยากจะมาดูแบบหนังฆ่าๆ บู้ๆ กันผมไม่แนะนำเท่าไหร่ ไม่งั้นคุณอาจจะผิดหวังกลับไปก็เป็นได้นะ ฮ่าๆ สามารถชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ทางด้านล่างนี้เลยนะครับ สำหรับเรื่องหน้าจะมารีวิวหนังเรื่องอะไรยังไงก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ ชอบก็กดติดตามบล็อกได้เลยครับผม

ดูหนังได้ที่ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *