รีวิว Shazam ฮีโร่ที่มาพร้อมความเกรียน

รีวิวหนัง สวัสดีค้าบบบบบบบ ทุกโคนนนนน คิดถึงทุกคนมากๆๆๆ เลย ตามที่กล่าวไป รีวิวที่แล้ว ในเรื่องอควาแมน ว่า จะรีวิวหนัง DC ล่อยช่วงนี้ เราก็เลยพาทุกท่านมาอ่านรีวิว หนังของ DC แต่เดี๋ยวก่อนน บอกเลยว่า เซอร์ไพร์มาก เพราะเขาทำมาเป็นหนัง แนว คอมเมดี้ยังไงล่ะ จะฮาขนาดไหน ไปอ่านรีวิวกันเลยยย
รีวิว Shazam ฮีโร่ที่มาพร้อมความเกรียน
เรื่องที่เหลือเชื่อมากอย่างหนึ่งคือชื่อเดิมของ Shazam! ฉบับคอมิกคือ Captain Marvel ก่อนที่สำนักพิมพ์เดิมจะปิดตัวและกว่าดีซีจะไปซื้อลิขสิทธิ์มาได้ก็ถูกปู่สแตน ลี ชิงตัดหน้าทำคอมิก Captain Marvel ไปก่อนจนต้องเปลี่ยนชื่อเป็น Shazam! อย่างที่เห็น ซึ่งฉบับภาพยนตร์ก็ดันฉายไล่เลี่ยกันเสียด้วยจนเหมือนนัดกันมาแข่งอีกรอบแหนะ ฮ่าาาา และเซอร์ไพรส์อีกต่อที่ ดีซี ไปยืมตัวเดวิด เอฟ แซนด์เบิร์ก ผู้
รีวิว Shazam ฮีโร่ที่มาพร้อมความเกรียน
กำกับหนังสยองทั้ง Light Out และ Annabelle Creation มากำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่สายฮาเรื่องนี้ ซึ่งเขาก็พิสูจน์ฝีมือได้ยิ่งกว่าสอบผ่าน เพราะสามารถเอาหนังฮีโร่โทนเบาสมองที่มีปมครอบครัวเป็นแกนกลางได้อย่างลงตัว ทั้งสนุก ฮาเป็นบ้าเป็นหลัง ที่สำคัญคือปมดราม่ากันครอบครัวทำได้หนักแน่นจนเราอดอมยิ้มไปกับเรื่องราวและปมความสัมพันธ์ในครอบครัวอุปถัมภ์ได้เอ็นจอยไม่แพ้ความมันส์ของศึกพลังเวทย์ในเรื่องเลย ซึ่งก็คงต้องชมทีมเขียนบททั้ง เฮนรี เกย์เดน และ แดเรน แลมเก้ ที่สามารถผสมผสานดราม่าครอบครัวกับหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่เบาสมองได้อย่างกลมกล่อม

รีวิว Shazam ฮีโร่ที่มาพร้อมความเกรียน

รีวิว Shazam ฮีโร่ที่มาพร้อมความเกรียน

 

SHAZAM! “เราทุกคนต่างมีความเป็นซูเปอร์ฮีโร่อยู่ในตัวของเรา มันก็แค่ต้องใช้มนตร์วิเศษสักหน่อยเพื่อที่จะดึงมันออกมา” ในกรณีของ “บิลลี่ แบทสัน” นั้นดึงออกมาโดยการตะโกนคำว่า SHAZAM! แล้วจากนั้นเด็กกำพร้าวัย 14 ปีที่ต้องเอาตัวรอดในเมืองใหญ่ก็จะกลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่วัยผู้ใหญ่ “ชาแซม” ซึ่งพลังพิเศษนี้ได้รับการสืบทอดมาจากพ่อมดชราคนหนึ่ง เขายังคงความเป็นเด็กน้อยด้วยหัวใจที่ซ่อน
อยู่ภายในร่างกายดั่งพระเจ้า ชาแซมจะได้สนุกสนานไปกับตัวของเขาในเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ ด้วยการทำในสิ่งที่วัยรุ่นคนไหน ๆ ก็อยากจะทำด้วยพลังพิเศษต่าง ๆ แค่สนุกไปกับพวกมัน!
นิยามสั้นๆ ของชาแซมก็คือ “ซูเปอร์แมนวัยเกรียน” นี่เองแหละครับ ซึ่งก็เป็นการแตกย่อยซูเปอร์ฮีโร่ จากซูเปอร์แมนในอีกแนวทางหนึ่ง (ตัวละครชาแซมมาหลังซูเปอร์แมน 1 ปี อ้างอิงจากวิกิ
https://en.wikipedia.org/wiki/Captain_Marvel_(DC_Comics)) พลังที่มาของชาแซมใกล้เคียงซูเปอร์แมนแทบทุกอย่าง ยกเว้นไม่มีตาเลเซอร์ แต่ปล่อยสายฟ้าจากมือแทน (ซึ่งถูกเอาเป็นมุกล้อเลียนในหนัง มีขำนิดๆ) ด้วยสเกลพลังระดับนี้ หลายๆ คนอาจจะคาดหวังว่ามันต้องมีฉากแอ็กชั่นเว่อร์วัง แบบหนังซูเปอร์แมนที่ผ่านมา (Man of Steel สู้ทีแทบถล่มเมือง ถล่มโลก) อันนี้ขอแสดงความเสียใจด้วยว่าไม่มีอะไรขนาดนั้นครับ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ทุนต่ำที่สุดในจักรวาล DCEU (ราวๆ 80 ล้านเหรียญที่มีเผยออกมา ขนาด Green Lantern ที่มาก่อนหน้าทุนยังสูงถึง 200 ล้าน) สเกลหนังเลยถูกจำกัดไว้ค่อน
ข้างแคบมากๆ ไม่ได้มีโชว์ถล่มทลายอะไรสักเท่าไหร่เลย แต่หนังก็ไม่ได้ทำออกมาขี้เหร่ซะทีเดียว ยังถือได้ว่ามีการโชว์ของ โชว์แอ็กชั่น “มันส์เล็กๆ” สลับมาเรื่อยๆ และอีกเหตุผลคือชาแซมในภาคนี้พึ่งเริ่มหัดใช้พลัง และเป็นธีมหนังที่บังคับไม่ให้มีสเกลทำล้ายล้างจนเกินหน้าตาของหนัง ที่ต้องเป็นฮีโร่เกรียนๆ ขำๆ ช่วยเหลือชาวเมือง ไม่ใช่กลายเป็นตัวทำลายเมืองอย่างซูเปอร์แมนไป อันนี้เข้าใจได้ครับ แต่ก็รู้สึกเสียดายนิดๆ ว่าน่าจะมีปล่อยของมากกว่านี้อีกหน่อย ให้สมกับหนัง DC ที่ต้องมีฉากแอ็กชั่นเว่อร์ๆ ติดไว้ให้คนพูดถึงทุกเรื่องครับ

คาวมรู้สึกส่วนตัว 

หนังวางบทตัวร้าย “ดร. แธดิอุส ซิวานา” ออกมาสูสีใกล้เคียงกับชาแซม บินได้ ร่างกายแข็งแกร่ง แต่แธดิอุสได้พลังมาจากบาปทั้ง 7 ที่เป็นปีศาจร้ายในอดีต (ความโลภ ความขี้เกียจ ความโกรธแค้น ความใคร่ ความตะกละ ความหยิ่ง ความริษยา) ซึ่งเป็นไอเดียที่เข้ากันมากกับโลกของชาแซมที่ได้พลังจากเวทย์มนต์เช่นกัน ในหนัง DC ตัวร้ายมักจะเด่นสูสีกับพระเอกเสมอ ซึ่งบทแธดิอุสก็ถือว่าเขียนมาได้ดีเลย หนัง
เปิดที่มาที่ไปจากวัยเด็กของเขาที่พบกับพ่อมดเหมือนชาแซม แต่ชีวิตกลับหักเหคนละเส้นทาง แล้ววนพาไปพบกับชาแซมในปัจจุบัน มีความอิจฉาริษยาในพลังที่ชาแซมได้มา ซึ่งแธดิอุสเป็นเหมือนกระจกสะท้อนไทม์ไลน์ชีวิตคนละด้านกับตัวเอก “บิลลี่ แบทสัน” ที่แม้ชีวิตวัยเด็กจะไม่อบอุ่นเหมือนกัน แต่แนวคิดจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตแตกต่างกันมาก  ซึ่งส่งให้ธีม Coming of Age การเติบโตของบิลลี่ กับเหตุผลที่พ่อมดมอบพลังให้ก่อนสิ้นอายุขัย เป็นคำตอบที่ใช่ในเวลาต่อมา…
หนังเรื่องนี้อาจจะถูกมองว่าจุดขายคือ “ความเกรียน ความตลก” แต่ส่วนตัวจากที่ดูมาก็ไม่รู้สึกขนาดนั้น สังเกตุจากเสียงหัวเราะคนในโรงก็ไม่ได้ขำอะไรมากมายครับ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นมุกแป๊ก โดยส่วนใหญ่จะเป็นมุกล้อเลียนหนังในค่ายตัวเองมากกว่า (แบทแมนนี่โดนบ่อยสุด) แต่สิ่งที่โดดเด่นจริงๆ คือ “ส่วนของดราม่าในเรื่อง ที่มีผูกปมวัยเด็กให้ตัวเอกตามหาแม่ที่พลัดพรากไป และปฏิเสธการมีครอบครัว
อุปถัมภ์มาตลอด” หนังเผยให้เห็นว่าบิลลี่เป็นเด็กมีปม ทำตัวแย่ๆ หลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขายึดถือเชื่อมาตลอดคือ “แม่ไม่ได้ทิ้งเขาไป เขาแค่พลัดหลงกับแม่เท่านั้น” และยังเก็บของเล่นที่แม่ให้ไว้กับตัว
เสมอ (แธดิอุสตัวร้ายก็มีปมและมีของที่ระลึกฝังใจเช่นกัน) จากเส้นเรื่องนี้ที่ทำออกมาได้ดี มีน้ำตาซึม ทำเอาชาแซมกลายเป็นหนังดราม่าครอบครัวดีๆ ได้อีกเรื่องนึงเลยทีเดียว ซึ่งสุดท้ายบิลลี่จะได้คำตอบ และส่งผลให้เส้นเรื่องนี้ ปลดผนึกสัมพันธ์กับความลับพลังของ “พ่อมดชาแซม” ในช่วงไคลแม็กซ์อีกด้วย เป็นการวางแนวทางหนังที่แตกต่าง ลงตัว และน่าติดตามในภาคต่อไปมากๆ
บิลลี แบตสัน (แอชเชอร์ แองเจิล) หนุ่มน้อยวัย15 หวังจะตามหาแม่ที่แท้จริง จนได้ลงเอยกับครอบครัวมิลานที่อุปการะเด็กหลากเชื้อชาติไว้มากมาย แต่หลังจากเขาช่วยเหลือ เฟรดดี้ (แจ๊ค ดีแลน เกรเซอร์)เพื่อนร่วมชายคา เขาก็ได้รับพลังวิเศษจากพ่อมดชาแซม (ดไจมอน ฮอนซู) จนกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ร่างผู้ใหญ่ (แซคคารี เลวี) แต่ในขณะที่เขากำลังค้นหาพลังวิเศษตัวเอง แธเดียส (มาร์ค สตรอง) กลับกำลังตามหาบิลลีเพื่อหวังจะครอบครองพลังยิ่งใหญ่ของเขา งานนี้ บิลลี่ จะค้นพบพลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเองได้ทันการณ์หรือไม่ ต้องติดตาม…
โดยหนังพูดถึงปมครอบครัวได้อย่างน่าสนใจ โดยฉากเปิดหนังนำเสนอเหตุการณ์ที่บอกถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวหนึ่งคือ ครอบครัวของแธด หรือ แธเดียสที่ไม่เคยมีใครในครอบครัวเห็นหัวและยิ่งถูกปฏิเสธการถ่ายทอดพลังชาแซมก็ยิ่งเป็นเชื้อไฟแค้นชั้นดีที่ทำให้เขาดำเนินแผนชั่วในเวลาต่อมาเพื่อหวังเอาพลังอำนาจมาถมช่องว่างในใจตนเอง ส่วนบิลลี แบตสัน หนังให้เรารู้จักเขาจากพฤติกรรมสุดแสบ
แต่พอเราได้เห็นเรื่องราวเบื้องหลังความขบถ ความดื้อดึงต่างๆมาจากปมที่ตนพลัดหลงกับแม่ในวัยเด็ก จนต้องออกตามหาแม่ เพื่อที่ว่าตนจะได้มีครอบครัวจริงๆ โดยไม่รู้เลยว่าเขาได้มีโอกาสเจอบ้านและ
ครอบครัวที่แท้จริงแล้ว ซึ่งการมาอยู่บ้านของครอบครัวมิลานก็ยิ่งทำให้ความหมายของครอบครัวดูใหญ่โตและมีความเป็นมหภาคมากขึ้นเพราะเด็กที่อุปการะมีตั้งแต่เด็กละติน เด็กเอเซีย เด็กสาวผิวสี ไปจนเด็กพิการอย่างเฟรดดี้ แถมพ่อแม่บุญธรรมก็ยังเป็นคนละเชื้อสายกันอีก เรียกได้ว่าคำว่าครอบครัวสำหรับบ้านนี้อาจหมายถึงสหรัฐอเมริกาโดยนัยยะก็มิปาน
โดยตัวหนังมีจุดที่น่าสนใจสำหรับคอหนังแบบไม่ต้องเป็นแฟนดีซีก็พอเข้าใจ คือหนังพยายามยกฮีโร่ดังของค่ายอย่าง แบทแมน และ ซูเปอร์แมน มาพูดถึงแทบทั้งเรื่อง มองเผินเราอาจเห็นแค่การเกาะกระแสฮีโร่เซเลปของค่าย แต่คิดดูดีๆ เฮ้ย จุดร่วมของทั้งแบทแมน ซูเปอร์แมน และ ชาแซม คือเริ่มจากการเป็นพวกหนีครอบครัว หรือ มีปมครอบครัวอันปวดร้าว จนกระทั่งได้เจอครอบครัวใหม่ที่ตนเองอาจกังขาจน
พยายามหนีอยู่ตลอด แต่เอาเข้าจริงเมื่อขึ้นชื่อว่าครอบครัวแล้ว มันก็ต้องอยู่สู้กันไปจนถึงที่สุด โดยหนังใส่ฉากเอามือประสานกันบนโต๊ะอาหารที่ดูผ่านๆแทบคิดไม่ถึงเลยว่าต่อมามันจะมีความสำคัญกับเรื่องอย่างไร จนกระทั่งหนังเฉลยนี่แหละแทบกรี๊ดเลย และโดยปริยายมันก็ทำให้ Shazam! หลุดพ้นการเป็นเพียงหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เราได้แต่ดูพระเอกโชว์ความเก่งปราบปรามผู้ร้าย ทีละน้อยเรากลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนไหวเรื่องครอบครัวของบิลลี่และมันยังทำให้ความหมายของพลังที่แท้จริงของหนังทั้งลึกซึ้ง อบอุ่นหัวใจ และแน่นอนเจ๋งเป็นบ้าเลย
ตัวเอก “บิลลี่ แบทสัน” (แอชเชอร์ แองเจล) กับชาแซม (แซ็คคารี่ เลวี่) จะมีบทสลับไปมาตลอดเวลา แต่กลับดูไม่ค่อยรู้สึกกลมกลืนกันนัก ช่วงชาแซมดูล้นๆ เกรียนๆ ชอบพบปะผู้คนเกินกว่าตอนเป็นบิลลี่ ที่มีบุคลิกเงียบๆ สันโดษ ไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นบุคลิกที่วางไว้ตั้งแต่ในการ์ตูนหรือเปล่า ที่ว่าเมื่อเป็นชาแซมจะปลดปล่อยความเกรียนขึ้นมาทันทีแบบนี้ครับ
สำหรับคนต้องการหนังย่อยง่าย เบาๆ พักสมอง SHAZAM! ตอบโจทย์ข้อนี้ได้เลยครับ แต่สำหรับแฟนๆ DC โทนจริงจัง อาจจะรู้สึกผิดหวังกับการที่หนังลดความรุนแรง สเกลแอ็กชั่นบ้าพลังลงไปเยอะมาก แม้ว่าฉากเปิดพลังตัวร้ายแธดิอุสครั้งแรก จะทำออกมาดูโหด รุนแรง น่ากลัวกับบาปทั้ง 7 ตัวที่แธดิอุสปล่อยออกมา แต่พอถึงเวลาตอนพบกับชาแซม สิ่งเหล่านี้กลับหายไปหมด แถมโดนลดทอนลงมาให้เป็นหนังเด็กดูใสๆ ไปเลย แอบผิดหวังพอสมควรเหมือนกันครับ
และคนที่ทำให้ชาแซมมีชีวิตได้ก็คงหนีไม่พ้น แซคคารี เลวี ดาราหนุ่มจาก CHUCK ซีรีส์ตลกสุดดัง ซึ่งเลวี ก็รับบทเด็กในร่างผู้ใหญ่ได้อย่างมีเสน่ห์ทั้งตลกทั้งเท่จนน่าจะแจ้งเกิดในฐานะดาราหนังซูเปอร์ฮีโร่ได้ไม่ยาก ส่วนนักแสดงเด็กๆในเรื่องก็ชวนให้หลงรักจริงๆ สาวๆอาจหลงหน้าหล่อๆของ แอชเชอร์ แองเจิล หรือ อยากกอด แจ๊ค ดีแลน เกรเซอร์ ซึ่งรับส่งบทกันอย่างลงตัว ส่วนบรรดาน้องๆหนูๆในบ้าน
อุปถัมภ์ก็น่ารักเหลือเกิน และยังมีเซอร์ไพรส์ที่เราบอกไม่ได้ แต่ที่แน่ๆคอซีรีส์เน็ตฟลิกซ์สาวๆมีกรี๊ดแน่นอนตอนไคลแมกซ์ของเรื่อง ฮ่าาาาา.
สำหรับใครที่ไปคิดจะไปดู ชาแซม ขอเตือนเลยว่าหนังมีเซอร์ไพรส์เยอะมาก ที่สำคัญมี ฉากกลางเครดิต และ ท้ายเครดิตจ้า แถมดีงามทั้งสองตัวเลย ดังนั้นอย่าดื่มน้ำเยอะนะจ๊ะ เตือนแล้ว!
ดูหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังใหม่
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ facebook 
ดูหนังชัด4Kได้ที่ ดูหนังชัด4K

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *