รีวิว Polar ล่าเลือดเย็น

รีวิวหนังฮิต  ดันแคน วิซลา นักฆ่าระดับโลก ที่ใครๆ หลายคนรู้จัก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “เดอะแบล็คไคเซอร์” (รับบทโดยแมดส์ มิคเคลเซ่น) กำลัง ล้างมือจากวงการ นักฆ่า แต่เจ้านายเก่ากลับหมาย หัวว่าเขาเป็นเสี้ยนหนาม ขององค์กร ที่เขาเคยอยู่ เขาจึงต้องกลับมาฟาดฟัน กับเหล่านักฆ่าเลือดเย็นอำมหิตที่เด็กกว่า และ เร็วกว่ามาก ซึ่งตามล้างผลาญเพื่อปิดปากเขาให้จงได้
รีวิว Polar ล่าเลือดเย็น
ต้นฉบับเป็นเว็บคอมิกแบบกราฟิกโนเวล หรือจะเรียกว่าการ์ตูนที่ให้อ่านเฉพาะในเน็ตแบบบ้านเราเลยก็ได้ ตัวคอมิกส์มีชื่อเต็มว่า Polar Came from the Cold เขียนโดย วิกเตอร์ ซานโตส จากค่าย Dark Horse Comics เมื่อปี 2012 แนวคิดการเขียนเรื่องนี้ ซานโตส เล่าว่าเขาได้จากแรงบันดาลใจผสมผสานระหว่างคอมิกส์ของมาร์เวล อย่างตัวเอกก็ได้แรงบันดาลใจจาก นิค ฟิวรี่ ฉบับดั้งเดิมที่ผิวขาว บวกกับสไตล์เรื่องดาร์ก ๆ แนวนิยายนัวร์ ผสมด้วยแอคชั่นแบบหนังสายลับบอร์น และลีลาของมังงะญี่ปุ่นด้วย
เรื่องนี้จงใจวางเรื่องไว้ในเมืองหิมะเพื่อเล่นเพียงสี ดำ ขาว และส้ม (ที่แทนเลือดด้วย) จัดเป็นสไตล์จัดที่เน้นภาพเล่าเรื่อง แบบมีตัวหนังสือน้อยมาก ประกอบกับเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ๆ เหมาะกับงานแอคชั่นเน้นสะใจเป็นที่สุด และนี่คือตัวอย่างลายเส้นฉบับคอมิกที่เอามาทำเป็นแอนิเมชั่นสั้น ๆ ครับ
พอมากลายเป็นหนังเน็ตฟลิกซ์ฉบับของผู้กำกับ โจนาส แอคเคอร์ลันด์ ที่เคยจับงานมิวสิควิดีโอให้ศิลปินระดับโลกมาแล้วมากมายทั้ง บียอนเซ่ โคลด์เพลย์ เลดี้กาก้า เทย์เลอร์ สวิฟต์ และอีกหลายต่อหลายคน ก็ยังคงเห็นความเฟี้ยวฟ้าวในการนำเสนอ ทั้งการเปิดตัวละครด้วยกราฟิกชื่อสีสันแสบตา งานดีไซน์ฉากซีนต่าง ๆ ที่ดูมีรสนิยม แม้จะไม่ได้เนี้ยบเด่นขนาดเชิดหน้าชูตา แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายฉากนั้นเท่และน่าสนใจไม่เบา ความน่าเสียดายในการนำเสนอมองส่วนตัวคือ การที่หนังเลือกมองข้ามเอกลักษณ์ด้านสีที่ตัวคอมิกทำไว้อย่างดี อาจเพราะหลีกเลี่ยงจะเป็นกราฟิกขาวดำอย่าง Sin City หรือหนังเล่นสีคู่ตัดรุนแรงในฉากแบบ John Wick ก็เป็นได้ ซึ่งก็น่าเสียดายเหมือนกัน ซึ่งพูดถึง John Wick เราก็จะเห็นความจงใจล้อหนังอยู่ในฉากที่แบล็กไคเซอร์ลองเลี้ยงหมาเป็นเพื่อนหลังเกษียณ ซึ่งต้องบอกว่าแสบมากนะ 55
รีวิว Polar ล่าเลือดเย็น
แต่ที่ต้องบอกว่าใช้ของไม่คุ้มที่สุดเลยก็คือ ตัวฉากที่วางไว้ในเมืองหิมะขาวโพลน เพื่อขับเน้นสีเลือดกับสีชุดเทาดำได้อย่างเด็ดดวง ก็ถูกกลบหายไปในฉบับหนัง เพราะความรุนแรงแทบทั้งหมดในเมืองหิมะเกิดในเวลากลางคืนที่มืดสนิท ซึ่งอาจเหมาะกับการลอบฆ่าตามท้องเรื่องก็ว่าไม่ได้ แต่ในช่วงของการล้างแค้นครึ่งหลังหนังที่น่าจะทำได้สะใจบนพื้นหิมะ หนังก็กลับเลือกจะย้ายโลเกชั่นไปอัดกันในเมืองใหญ่ธรรมดา ซึ่งน่าเสียดายเหมือนกันในจุดด้านภาพที่อุตส่าห์โชว์ความเฟี้ยวไปขนาดนั้น

รีวิว Polar ล่าเลือดเย็น

รีวิว Polar ล่าเลือดเย็น

มาด้านเนื้อเรื่องหนังก็เล่าแบบง่ายเหมือนเคยเห็นซ้ำ ๆ ในหนังแนวนี้มาแล้วทั้งนั้น เรื่ององค์กรนักฆ่าจ้างทีมฆ่ามาเก็บนักฆ่าเก่าเพื่อสางปัญหายุ่งยาก แต่ก็มีพลอตน่าสนใจตรงบริษัทนักฆ่านี้จงใจจ้างฆ่าลูกน้องเก่าที่เกษียณอายุ หรือแก่เกินใช้งาน เพื่อผลทางบัญชีของบริษัทจะไม่ต้องแบกรับเงินชดเชยเงินบำเหน็ดให้พวกเกษียณ แต่งานที่สำเร็จกับใครมาแล้วมากมายก็มาถึงจุดตันเมื่อ แบล็กไคเซอร์ (แมดส์ มิคเคลเซ่น) ผู้ที่นักฆ่าชั้นซีเนียร์ต่างเตือนเจ้าของบริษัทว่าอย่าไปยุ่งเขาเลย แต่ บลูต (แมตต์ ลูคัส) เจ้าของบริษัทลีลาสุดกวนโอ้ยก็กลับไม่เชื่อและส่งทีมมือหนึ่งไปเก็บเช่นเดิม หนังยังวางซับพลอตการไถ่โทษและความอ่อนโยนของแบล็กไคเซอร์ผ่านตัวละครสาวเฉิ่มเมืองหนาวอย่าง คามิลล์ (แวนเนสซ่า ฮัดเกนส์) ที่บังเอิญพบกันระหว่างเขาเลิกอาชีพนักฆ่าด้วย
หนังมีความกวนตีนเบา ๆ ด้วยบุคลิกของนักฆ่าตลอดชีวิตที่อยู่ดี ๆ ก็ต้องหยุดพักอยู่เหมือนกัน โดยลีลาความแฟนซีในความเทพเหนือคนผสานกับแนวตลกร้ายก็เป็นสูตรการประสบความสำเร็จในหนังแนวนี้ที่ผู้ชมชายหรือคอแอคชันพึงใจที่จะรับชมด้วย และที่ทำให้การล้างแค้นดูน่าสนุกขึ้นคือตัวร้ายอย่าง บลูต ที่บุคลิกน่าจับมาตบมาก ๆ ซึ่งทำให้เราหมั่นไส้และเชียร์พระเอกจัดหนักได้ไม่น้อย ยังไม่นับฉากความรุนแรงอย่างการยิง การแทง ไม่ยับ สาวสวยสุดฮ็อตอย่าง แคธเธอรีน วินนิก กับ รูบี้ โอ. ฟี และฉากเซ็กร้อนแรงค่อนข้างโจ๋งครึ่มที่ไม่เหมาะกับเด็กน้อยเท่าใดนัก แต่สำหรับผู้ใหญ่ก็คงชอบในความฉูดฉาดเหล่านี้ การแสดงของมิคเคลเซ่นก็ต้องบอกว่าไปตามมาตรฐานตัวละคร แต่ติดตรงความคล่องแคล่วในแอคชั่นนั้นจะดูเทอะทะกว่าปกติ ไม่แน่ใจว่าปรับตามวัยคนเกษียณหรือเป็นคิวบู๊ที่ไม่สดพอ

ความรู้สึกจริงๆ หลังดูจบ

การดำเนินเรื่อง
บอกเล่าเรื่องราวของพระเอกได้น่าค้นหา และมีมิติดี รู้สึกอินในความเป็นนักฆ่าที่ถึงจะวางมือแล้ว แต่อดีตก็ยังคงตามหลอกหลอน
มีการสอดแทรกอารมณ์ขัน และจิกกัดหนังเรื่องอื่นได้แบบแสบสันสุดๆ
มีการหักมุมชนิดที่ค่อนข้างช็อค เล่นเอาเหวอนึกไม่ถึงไปเหมือนกัน แต่หนังก็ไม่ค่อยปูให้เดานั่นแหละ
หนังเปิดตัวประหลาดมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แนะนำตัวละครสี่ห้าตัวโคตรไว และอยู่ๆ พระเอกก็โผล่มา สัด หนังอะไรวะให้กูรู้จักทีมตัวร้ายลูกกระจ๊อกก่อนพระเอกที่เป็นนักฆ่าระดับโลก
ตอนช่วงเล่าความหลังแฟลชแบล็ก มันวนๆซ้ำเดิม ไม่ได้บอกเรื่องราวอะไรให้คืบหน้า เหมือนพระเอกหลอนเป็นช่วงๆ แค่นั้น
บางตัวละครนึกจะโผล่ก็โผล่มา ทั้งๆที่หนังไม่ได้ปูห่าอะไรทั้งสิ้น ถ้าไม่บอกนึกว่า NPC ส่งเควสเกมออนไลน์
ฉากแอ็คชั่นต่อสู้
บางฉากต่อสู้ก็มันส์ใช้ได้นะ จังหวะมุมกล้องและกระบวนท่าเร้าอารมณ์ดี
ด้วยความที่มันไม่ได้แม่นเว่อร์แบบจอนวิค ที่อกหนึ่งนัดหัวหนึ่งนัด ทำให้เราต้องมานั่งลุ้นตอนมันยื้อกันไปมา และทำให้จังหวะต่อสู้ดูสมจริงยิ่งขึ้น
ติดโหดซาดิสม์ไปหน่อย สู้อัดอยู่คนเดียวนานเกินไป มัวแต่หักแขนขาบิดนู่นนี่ มัวแต่คว้ามีดแทงซ้ายขวาหน้าหลัง สุดท้ายเมิงก็ยิงมันอยู่ดี เสียเวลามาก
บทและการแสดง
นางเอกแสดงได้มีมิติดี บทพูดค่อนข้างเรียลไม่เสแสร้ง แสดงบทคนที่มีปมในใจเก็บไว้นาน และมีความลึกลับน่าค้นหาได้ดี
พระเอกดูนิสัยดี ใจบุญรักสัตว์เกินกว่าจะเป็นนักฆ่า บทไม่เข้าคาแรกเตอร์เลยไม่อินเท่าที่ควร
พวกลูกกระจ๊อกฝั่งตัวร้าย กับตัวประกอบแสดงโคตรเฟค บทพูดน้ำเน่า+บื้อชิบหาย เหมือนจ้างวัยรุ่นริมถนนที่ไหนไม่รู้มาเล่น ยิ่งบทหนังเสริมความโง่ให้มันไปอีก เลิกคุย
โคตรเกลียดอาตี๋หัวหน้าชุดแดงใส่แว่น การแสดงท่าทางตุ้งติ้งบ้าบอมาก ความคิดคำพูดเหมือนเด็กอมมือเอาแต่ใจ มากกว่าจะเป็นหัวหน้าองค์กรนักฆ่า
ความโหด 18+
ใครสายโหดเลือดสาดกระจายติดผนัง ดาร์กซาดิสม์ทรมานเสียวใส้ ฆ่าทีศพไม่เคยสวย ผู้หญิงเด็กเล็กแดงก็ไม่เว้น น่าจะเข้าทาง
ฉากเซ็กส์ 18+ ค่อนข้างเด็ด นมเป็นนมตูดเป็นตูด เนินกระเพื่อมเด้งเป็นซาลาเปา เสียงร้องครางดังแข่งกับเสียงกระแทกโครมคราม จนกูต้องออกไปดูหน้าเมนูว่านี่มัน Netflix หรือ pornhub กันแน่ แต่ก็มีแค่สองฉากแหละนะ
ไม่ได้คะแนนแค่ 5 เพราะมันโหดน้อยนะ แต่แม่งเอะอะก็โหดเลือดสาด ทรมานแบบประหลาดๆ ฉากเซกส์โจ่งแจ้งเทกระจาดไปหน่อย ส่วนเหตุผลการทำร้าย การฆ่าแบบซาดิสม์ก็แทบไม่มี โคตรปัญญาอ่อน ใส่เข้ามาแค่ให้สะใจเข้าว่ามากกว่า โหดแบบเรื่อง machete ยังโอเคกว่าอันนี้เยอะ
ด้วยความที่มันใส่ฉากโหด 18+ มาเยอะเกินไป มีเกือบทุกฉากชนิดไม่เหลือที่ว่างให้พัก แทนที่ดูแล้วมันจะสะใจ หรือสยอง กลับดูตลกเหมือนหนังเกรดบีชอบกล
ดนตรีเสียงประกอบ
เลือกดนตรีได้เหมาะกับยุคเรโทรของหนังดีนะ ดูมีความเป็นธีมเดียวกันดี ไม่มีเพลงไหนโดดขึ้นมาสะดุดหู
เสียงเอฟเฟคปืนเปิน เสียงเลือดกระเซ็น เสียงปลอกกระสุน ในฉากแอ็คชั่นคอมโพสมาค่อนข้างสมจริงดี เบสหนักใช้ได้
ฉากแอ็คชั่นบางช่วงใส่ดนตรีมาผิดจังหวะไปนิด มาเป็นเพลงงานพิธีเลยก็มี เลยไม่ได้อรรถรสเต็มที่
ความสมเหตุเหรอ… เอ่อ คิดแป๊บ จุดเดียวก็คงเป็นสภาพอากาศของเมืองที่พระเอกอยู่ล่ะมั้ง 555 จากตรงนี้ลงไปก็จะบ่นลูกเดียวแล้วนะ
พระเอกดูเก่งเวอร์เกินจริง วางแผนทุกอย่างได้เป๊ะมากทั้งๆที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ต่อสู้ก็เทพ แต่บทจะโง่ก็โง่โดนจับง่ายๆ ซะงั้น
แรงจูงใจฝั่งตัวร้ายแม่งปัญญาอ่อนชิบหาย ลูกน้องว่าโง่แล้ว ไอตัวหัวหน้านี่โง่ดักดานไอคิวติดลบไปเลย
พระเอกหนังเรื่องนี้แม่งเปิดวาร์ปได้ แถมยังย้อนเวลาได้อีก โคตรฮา แม่งข้ามทะเลสาบกว้างครึ่งกิโลได้ภายในสิบวิ แถมยังตัดฟืนทั้งกองแบบไม่ต้องออกไปยืนตัดให้เห็นด้วยซ้ำ หนังเชี่ยอะไรเนี่ย
เหตุผลที่พวกนั้นตามฆ่าพระเอกแม่งก็โคตรบ้าบอ สงสัยมันพี้เฮโรอีนจนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอแล้วมั้ง คือมึงให้มันไปเถอะของแค่นั้น ไปแหยมกับนักฆ่าระดับโลก เพราะเรื่องปัญญาอ่อนนี้เนี่ยนะ
หลังจากหนังได้บอกความจริงเบื้องหลังบางอย่าง การกระทำนางเอกตลอดที่ผ่านมายังดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ว่าคนปกติจะมีใครทำแบบนี้หลังเหตุการณ์นี้เหรอ เลยรู้สึกไม่ได้อินไปกับนางเอกเลย
หลายอย่างในหนังดูตลกคาเฟ่ไปหน่อย อย่างยามเฝ้าฐานตัวร้ายที่กลัวพระเอกจนหนีหลีกทางให้ขึ้นไปได้แบบสบายๆ หรือตัวร้ายที่ไปไล่ทรมานคนตามเมืองทุกรัฐที่คิดว่าพระเอกน่าจะอยู่เพื่อให้เปิดปาก ทั้งๆที่มันไม่มี clue ตำแหน่งพระเอกเลย
ทีมตัวร้ายแม่งกระจอกมาก หาพระเอกตั้งนานทรมานคนเป็นสิบเพื่อสืบเรื่อง ก็ยังไม่เจอ แต่ดันงมเข็มมาจ๊ะเอ๋กับพระเอกแบบโคตรบังเอิญ มันเองยังโพล่งออกมาแบบงงๆ โฮลี่ ชิท อยู่ๆกูก็เจอมันแล้วว่ะ
ดูหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังใหม่
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ facebook 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *