รีวิว ศึกมหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์รักจากดวงดา

 

 

รีวิว ศึกมหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์รักจากดวงดา

รีวิวหนังฮิต ผมเป็นคนนึงที่ไม่ได้ ชอบดูหนังแฟนตาซี ซักเท่าไหร่ คือ ถ้าธีมแนวแฟนตาซี มาเราจะเฉย ๆ มากกว่าแนวอื่นๆ หรือบางเรื่องก็อาจจะเกลียดไปเลยก็มี5555 แต่อย่างเรื่องนี้ด้วยความที่อยากหาอะไรเบาสมอง คอมเมดี้ดูสุดๆ เลยอ่ะ….อื้มมม
แล้วตอนนั้นที่โหลดเก็บไว้ใน Netflix มีแต่หนังเครียดๆก็เลยลองดูดู แล้วก็พบว่ามันโคตรน่ารัก555 แล้วก็ดูสนุกด้วย หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของ Stardust ผ่านภาพยนตร์ที่เคยสร้างความประทับใจไว้เมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้ที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวอักษรคุณอาจจะพบมิติใหม่ที่คุณไม่มีทางคาดคิดได้เพราะหนังสือมันมีอะไรบางอย่างที่ภาพยนตร์ไม่สามารถแสดงออกมาได้ทั้งหมด
‘Stardust’ เป็นนวนิยายที่ถูกแต่งขึ้นโดย นีล เกแมน และถูกแปลโดย คุณกานต์สิริ  โรจนสุวรรณ  มันเป็นนวนิยายแฟนตาซีขนาดสั้นที่ถ่ายทอดมุมมองความรักอีกรูปแบบหนึ่ง ความรักที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ ตอนจบของมันช่างสวยงามจนใครหลายคนอาจจะคาดไม่ถึง นวนิยายเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์โดยทางสำนักพิมพ์ Words Wonder Publishing
รีวิว ศึกมหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์รักจากดวงดา
Stardust เป็นเรื่องราวที่เริ่มต้นด้วยความเรียบง่ายผ่านหมู่บ้านหนึ่งในจักรวรรดิอังกฤษราวๆเมื่อประมาณ 200 ปีก่อน จากการบรรยายของเขาทำให้ฉันนึกภาพบ้านเรือนในช่วงสมัยล่าอาณานิคมได้ไม่ยาก นั่นเป็นจุดดีข้อหนึ่งของ นีล เกแมนที่สามารถบรรยายให้คนอ่านรู้สึกและสามารถจินตนาการภาพได้ราวกับหลุดเข้าไปในหนังสือ แต่ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นเพราะหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญอย่างหมู่บ้านวอลล์มีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าหมู่บ้านเล็กๆ มันคือกำแพงเก่าแก่ที่ถอดตัววางเรียงแนวยาวจากป่าอีกด้านจนถึงป่าอีกด้าน ‘กำแพง’ ที่กั้นโลกสองโลกที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ทริสตรัน ธอร์น หนุ่มน้อยขี้อายที่เป็นตัวละครหลักของเรื่องเขาไม่เคยรู้ต้นกำเนิดของตัวเองว่าจะจริงๆแล้วเขามาจากแฟรี่หรือดินแดนนอกวอลล์ เขาถูกเลี้ยงดูด้วยครอบครัวที่มีน้องสาวเอาแต่ใจ เรื่องราวของเขาควรจะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง เมื่อทริสตรัน ธอร์น พบกับหญิงสาวอันเป็นที่รักอย่างวิกทอเรีย แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเมื่อธอร์นเอ่ยขอจูบและคำมั่นสัญญาจากวิกทอเรียโดยที่เธอก็ไม่ได้อยากมอบให้ ทริสตันจึงพยายามพูดถึงสิ่งของจากทั่วโลกเพื่อให้หญิงอันเป็นที่รักสนใจ ตรงจุดนี้ผู้แต่งได้แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้ของทริสตรัน ธอร์นที่ได้มาจากการอ่านและการเรียนมันหมายความว่าความรู้นั้นสำคัญและเปิดโลกเราให้กว้างขึ้น ความรู้ของทริสตรันยังถูกนำไปใช้ในการผจญภัยหลายต่อหลายครั้งเพื่อเอาตัวรอด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฉันได้จากตรงจุดนี้คือความรู้นั้นเป็นสิ่งสำคัญเพราะความรู้ก็เหมือนแสงเทียนที่คอยส่องสว่างในที่มืดมิด ไม่ใช่เป็นกบในกะลาที่ไม่รู้ว่าออสเตรเลียคืออะไร และฝิ่นคืออะไร
รีวิว ศึกมหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์รักจากดวงดา
และสิ่งต่อมาที่ฉันได้เรียนรู้หลังจากที่ทริสตรัน ธอร์นก้าวข้ามผ่านกำแพงไปยังดินแดนแฟรี่แล้วคือความสามารถในการถ่ายทอดจินตนาการของผู้เขียน เขาสามารถถ่ายทอดโลกของเทพนิยายที่เราเคยรู้จักในนิทานหรือตำนานต่างๆผสมผสานจนมันกลายเป็นดินแดนแฟรี่ในแบบฉบับของเขาเอง ทั้งมังกร ก็อบลิน ยูนิคอร์น รวมถึงแม่มดและเจ้าชายที่เป็นตัวละครหลัก ตอนที่ผู้แต่งเอ่ยถึงเจ้าชายแห่งสตร์อมโฮลด์ ฉันได้เรียนรู้สิ่งหนึ่งจากบทนี้คือ ไม่ว่าคุณจะอยู่แห่งไหน ความกระหายในอำนาจล้วนมีอยู่ทุกที่ เราสามารถทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งฆ่าพี่น้องของตนเองเพื่อได้มาซึ่งความเป็นใหญ่

รีวิว ศึกมหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์รักจากดวงดา

 

“คนที่มีความรักทุกคนคือคนบ้าอยู่ในใจและเป็นนักร้องเร่ร่อนอยู่ในหัว” ฉันอ่านประโยคนี้ที่ชาล์มบอกแก่ทริสตรัน ธอร์น อยู่ประมาณ 3-4 รอบได้ ฉันพยายามจะทำความเข้าใจว่าคนแต่งต้องการจะสื่ออะไร และมันก็ถูกแปลออกมาในรูปแบบที่คิดได้ดังนี้ คนที่มีความรักเหมือนกับคนบ้าที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่เรียกว่ารักกลับคืนมา ไม่ต่างจากทริสตรัน ธอร์นที่ยอมเข้ามาในดินแดนที่ตนเองไม่รู้จักเพียงเพื่อนำดวงดาวไปให้แก่คนรักของเขา แต่ก็นั่นแหละสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ต่อจากตอนที่เขาเข้าไปในดินแดนแล้วคือ ถ้าเรามีความตั้งใจและความพยายาม ไม่ว่าสิ่งที่เราจะเสาะหามันยิ่งใหญ่และเป็นไปไม่ได้อย่างการหาดาวสักดวงถ้าเรามีความตั้งใจที่จะทำมันแล้ว คุณก็จะมีความสำเร็จอยู่ในมือเกินครึ่ง
และสิ่งหนึ่งที่ นีล เกแมน พยายามสอดแทรกเข้ามาในหนังสือคือทุกที่ย่อมมี กฎ กติกา ไม่เว้นแม้แต่แฟรี่ ไม่ว่าจะเป็นแม่มด หรือแม้แต่ดาว ทุกคนมีกฎของตัวเองและยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมันไม่ได้หมายถึงข้อตกลงในการทำให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเท่านั้นแต่มันหมายถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเขาด้วย
Stardust เป็นนิยายที่คู่ควรจะเก็บไว้เป็น 1 ในนิยายประทับใจที่สุดที่เคยอ่าน ฉันอาจจะพูดเว่อร์แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณได้ลองหยิบมันขึ้นมาอ่าน คุณจะนึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่ฉันพูดไม่ได้ต่างไปจากความจริงแม้แต่นิดเดียว เคยได้ยินไหมจินตนาการของมนุษย์มันแตกต่างกัน และยิ่งเมื่อคุณอ่านมันทุกตัวอักษรคุณจะรู้สึกเห็นคุณค่าในตัวละครมากกว่าที่คุณเคยสัมผัส
เราจำไม่ได้แล้วแหะว่าตัวเองดู Stardust มากี่รอบแล้วแต่พึ่งจะเมื่อคืนนี้เองที่เราเริ่มต้นดูมันใหม่อีกรอบหลังจากต้นปีและกลางปีที่ผ่านมาก็พึ่งจะดูไป
อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อวานเราแวะไปร้านหนังสือแล้วเจอ Stardust ฉบับนิยายเข้าให้
หลังจากยืนพลิก ๆ เปิดอ่านดูเลยทำให้นึกถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ข้อเสียของการที่ทิ้งการเขียนไดอารี่ไปเสียนาน ทำให้เราลืมไปแล้วว่าดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อไหร่ อาจจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่หนังเรื่องนี้พึ่งจะเข้าโรงไปได้ไม่นานก็อาจจะเป็นไปได้
เหตุผลพิเศษที่เรารู้สึกสนใจหนังเรื่องนี้คงเพราะความลี้ลับ แม่มด และดินแดนหลังกำแพง เรื่องราวมันเกิดขึ้นจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับดินแดนหลังกำแพงของหมู่บ้าน โดยหารู้ไม่ว่ากำแพงนั้นปิดกั้นระหว่างอังกฤษกับดินแดนลี้ลับที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ
แต่แน่นอนว่าในโลกนี้แม้ว่ามันจะกว้างใหญ่แค่ไหน…. มันก็ไม่เคยเอาชนะความใหญ่โตของความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ไปได้เลย เด็กชายคนนั้นตัดสินใจออกไปนอกกำแพงเพื่อสำรวจว่าที่นั่นมีอะไร เขาเดินทางจนมาถึงหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกำแพง
เปิดหูเปิดตากับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าเอามาขาย ตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเล่าว่าเธอเป็นเจ้าหญิงขององค์กษัตริย์องค์ปัจจุบันและถูกจับโดยแม่มดเพื่อให้มารับใช้เป็นทาส จุดเริ่มต้นของเรื่องราวการผจญภัยมันเริ่มจากตรงนี้นั่นเอง
การเริ่มเรื่องที่น่าสนใจทำให้เราติดตามหนังเรื่องนี้ไปโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว เหมือนกับการอ่านหนังสือในหน้าแรกที่ถ้าหากมันสามารถตรึงสายตาของคุณให้อยู่กับมันได้ โดยที่เราไม่ปิดหนังสือแล้วเก็บลงบนชั้นดังเดิม ถ้าหากคุณมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ความรู้สึกของเราตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ ก็คงจะไม่แตกต่างกัน เราหลงเข้าไปในเรื่องราวเข้าเต็มเปา ในคืนนั้นเด็กหนุ่มข้ามกำแพงกลับมาที่หมู่บ้านของตัวเอง จากนั้นหลายเดือนผ่านไป ยามเฝ้ากำแพงก็เอากระเช้าใส่เด็กพร้อมจดหมายของหญิงสาวที่เขาพบ
เด็กชายคนนี้คือลูกชายของเขาและเธอนั่นเอง เรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มจึงจบลงแค่นั้น เขาเลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่ จนลูกชายคนนี้มีความรัก รักผู้หญิงที่สวยที่สุดในหมู่บ้านอย่างหมดหัวใจ แต่ผู้หญิงที่สวยที่สุดในหมู่บ้านกลับไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด สนใจเพียงแต่ชายหนุ่มที่หล่อเหลาและดูภูมิฐานที่สุดในหมู่บ้านแทน
เธอหลอกใช้และปั่นหัวชายหนุ่มที่หลงรักเธออย่างหมดหัวใจจนกระทั่งเขาถูกไล่ออก ถูกหนุ่มที่หล่อที่สุดในหมู่บ้านเล่นงานจากการดวลดาบต่อหน้าหญิงสาวที่เขารักจนได้รับความอับอาย วันนั้นเขาแบกรับความอับอายกลับไปที่บ้านวันต่อมา ก็ถูกไล่ออกเพราะความรักที่เขาแสดงออกมา (แบบไม่รู้เวล่ำเวลา)
สุดท้ายชายหนุ่มนาม ‘ทริสตั้น’ คนนี้ตัดสินใจพาหญิงสาวที่ตัวเองรักไปกินมื้อค่ำด้วยกันที่สนามหญ้า ช่วงเวลานั้นทริสตั้นเห็นดาวกำลังตก เขาจึงใช้โอกาสนี้เสนอตัวว่า เขาจะนำดาวที่ตกนั้นกลับมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับเธอเพื่อให้เธอประทับใจ ว่าแล้วเขาก็ตรงไปที่กำแพงซึ่งมียามเฝ้าอยู่ เขาใช้อุบายเดียวกับพ่อในการหลอกล่อยามเฝ้ากำแพง (โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อของเขาเคยข้ามมันด้วยวิธีนี้มาก่อน)
สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถข้ามกำแพงไปได้ แต่ได้รับรู้ความจริงเรื่องที่พ่อของเขาเคยข้ามกำแพงมาก่อน เขาแบกความผิดหวังกลับมาบ้าน เล่าเรื่องที่ตัวเองอยากจะข้ามกำแพง รวมทั้งถามพ่อเรื่องที่ทำไมพ่อของเขาถึงอยากที่จะข้ามกำแพงไป พ่อของเขาเลยเล่าเรื่องราวการผจญภัยของตัวเองในวันนั้นที่ได้พบกับแม่ของเขา
ทริสตั้นรู้สึกดีใจที่ตัวเองมีแม่เหมือนกับคนอื่น ๆ เขาแล้ว พ่อของทริสตั้นนำจดหมายที่แม่ของเขาเขียนถึงเขามาให้โดยที่พ่อของเขาไม่เคยเปิดอ่านมาก่อน ในจดหมายที่แม่ของเขาเขียน มีเทียนลัดฟ้าที่เพียงแค่จุดแล้วนึกถึงสถานที่ ๆ อยากไป หรือผู้คนที่อยากพบ มันก็จะพาเราไปได้ภายในพริบตาอย่างน่าอัศจรรย์ทริสตั้นไม่รอช้า จุดเทียนลัดฟ้านั้นแล้วนึกถึงแม่
แสงเทียนสว่างวาบพร้อมกับพาทริสตั้นตรงไปยังคนที่เขานึกถึง แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่า ในตอนที่เขาคิดถึงแม่ เรื่องดาวตกกลับแทรกเข้ามา ทำให้เขาลัดฟ้ามาร่วงแหมะอยู่บนตัวของหญิงสาวคนหนึ่ง ในตอนแรกทริสตั้นคิดว่าเธอเป็นแม่ของเขา แต่เธอก็รีบปฏิเสธแล้วบอกว่าเธอคือดาวที่ตกลงมาเพราะสร้อยคอที่ลอยมาจากไหนไม่รู้
แล้วชนเอาเธอซึ่งเป็นดาวตกลงมาสู่พื้น ทริสตั้นเลยจับเธอในทันทีแล้วบอกกับเธอว่าจะนำเธอไปเป็นของขวัญให้ผู้หญิงที่เขารัก การเดินทางของเด็กหนุ่มแห่งหมู่บ้านในกำแพงคนที่ 2 จึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เรื่องราวดำเนินไปอย่างตื่นเต้นเร้าใจ มีเวทมนตร์ คาถา การต่อสู้ นักจับสายฟ้าบนนาวาลอยฟ้า ความลับของกัปตันเรือที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมที่สุด

สิ่งที่ได้หลังจากดูจบ

ในทุก ๆ การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นในหนังหรือชีวิตจริง เมื่อเราก้าวออกจากประตูแล้ว เราจะกลับเข้ามาโดยที่เราจะไม่มีวันเหมือนเดิม คล้าย ๆ กับว่าการเดินทางทำให้เราเติบโตกว่าช่วงก่อนเดินทาง ได้มองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้คิดถึงสิ่งที่ไม่เคยจะนึกถึง ได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน การเปิดรับทุกสิ่งทุกอย่างผ่านการเดินทาง ทำให้เราเติบโต
การได้ฟังเรื่องเล่าจากใครสักคนอาจจะทำให้เราได้เรียนรู้อยู่บ้าง แต่การพบเจอมันด้วยตัวเอง ย่อมได้รับบทเรียนที่ยอดเยี่ยมกว่า เหมือนอย่างที่ทริสตั้นฟังเรื่องราวการผจญภัยของพ่อกับการที่ตัวเองได้ออกมามีเรื่องราวเป็นของตัวเอง
ทริสตั้นกลับเข้ามาในกำแพงด้วยตัวตนใหม่ เขากลับมาหาหญิงสาวที่ตัวเองรักพร้อมกับเส้นผมของหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นดวงดาว เขานำมันมามอบให้เธอเป็นของขวัญ ทว่าความรักที่เขามีต่อเธอจบลงแล้ว ในการเดินทาง กัปตันผู้โหดเหี้ยมกระซิบบอกกับทริสตั้นเบา ๆ
หลังจากที่ทั้งทริสตั้นและหญิงสาวดวงดาวเดินทางร่วมกันมาเป็นเวลาหลายวัน ผ่านอันตราย แม่มด และเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกัน กัปตันบอกกับทริสตั้นว่า รักแท้ที่เขาตามหาอยู่นั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหญิงสาวดาวตกคนนี้ต่างหากที่เขาปรารถนา
ทริสตั้นค้นพบความจริงข้อนั้น เขาค้นพบว่าตัวเองให้ความรักกับคนที่ไม่เคยรักตัวเขาเลย ผู้หญิงที่เขารักคนนั้นใช้เขาเพื่อประโยชน์ของตัวเองจนเขาถูกไล่ออกจากงาน ถูกเห็นเป็นของตายและกลายเป็นตัวตลก เขาดั้นด้นเดินทางมาเพื่อทำให้หญิงสาวพอใจ
ทั้งที่เขารู้แน่อยู่แก่ใจแล้วว่ายังไงซะ เธอก็ไม่มีทางหันมาสนใจเขาได้ ต่อให้เขากลับไปเป็นคนใหม่แล้วเธอมารักเขา นั่นก็เป็นแค่ความรักที่มองจากภายนอก รักที่ไม่ได้มาจากตัวตนแท้จริง ผิดกับเขาและสาวดาวตกที่มีหัวใจตรงกันมานานแล้ว
ถ้าหากจะให้เล่ารายละเอียดจนจบมันก็คงไม่มีความหมายจนให้เราต้องไปหยิบหนังเรื่องนี้มาเปิดดูน่าสนใจที่การดูหนังเรื่องนึงซ้ำ ๆ ทำให้เราค้นพบบทเรียนมากกว่าเดิม เหมือนการเอาหนังสือเก่า ๆ ที่เราเคยอ่านแล้วกลับมาอ่านใหม่เราไม่มีทางจำรายละเอียดของเรื่องราวในหนังสือเล่มที่เราอ่านทิ้งไว้นานแล้วได้แม่นยำ พอกลับมาอ่านใหม่ เราอาจจะค้นพบว่ามีอะไรที่ให้เราได้เรียนรู้อยู่อีกทั้ง ๆ ที่เราเคยอ่านมันมาก่อนแล้วก็ตาม
บางที ถ้าเราจะลองหยิบหนังเก่า ๆ มาเปิดวนดูใหม่ เราอาจจะได้ทำความเข้าใจกับตัวละครแต่ละตัวได้มากขึ้น
ทั้งอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก
แน่นอน…การดูหนังหนึ่งรอบอาจทำให้เราได้อะไรกลับมาบ้าง
แต่การดูซ้ำอีกรอบก็อาจจะทำให้เราได้อะไรกลับมามากกว่าก็ได้
เอาจริงๆพูดเลยว่าเนื้อหามันเด็กน้อยมากๆ คือถ้าเด็กดูต้องชอบมากแน่ๆ เพราะมันเจ้าชาย เจ้าหญิง แม่มด อะไรพวกนี้ แล้วคือเป็นหนังที่ตัวละครเล่นใหญ่ เหมือนในการ์ตูนเด็กหลายๆเรื่อง พูดถึงนักแสดงก่อน ชาร์ลีน่ารักมากกกก ยิ่งมาอยู่ในบทนี้คือแบบ จะทำอะไรผิดเราก็ไม่ว่าอ่ะ555 ละยิ่งได้ไปฝึกวิชาจนเก่งคือเออ มันดูเป็นผู้ชายที่เปลี่ยนไปจริงๆอ่ะ คือชาร์ลีมีเสน่ห์มากๆเรื่องนี้ ยิ่งพอเข้าบทกับแคลร์คือน่ารักมาก ปกติไม่ใช่คนกรี้ดกับเรื่องรักโรแมนติกน้ำเน่าขนาดนี้ แต่เคมีมันเข้ากันจริงๆ แล้วมันน่ารักอ่ะ ยอมรับเลยว่าเป็นหนังรักที่ดูแล้วน่ารักอีกเรื่องเลย
เรื่องบทก็เฉยๆ เดาได้ตั้งแต่เปิดฉากแรกมาเลยด้วยซ้ำ ถึงได้บอกไงว่าเป็นหนังเด็ก555 แต่หลายๆฉากโหดอยู่ไม่เด็กนะค้า คือถ้าพูดถึงเรื่องบทก็ปกติเลย เด็กหนุ่มออกตามหาดาว เจอกัน อยู่ด้วยกัน รักกันโดยไม่รู้ตัว ต้องสู้กับเหล่าร้าย แล้วก็ต้องเก็บเควสต์เติมพลังอัพเลเวลให้เก่งก่อน สู้สำเร็จ จบ แฮปปี้เอนดิ้ง มันมีแค่นี้เลย แต่เรื่องนี้กลับทำให้เรารู้สึกเอนจอยกับมันได้ น่าจะเพราะเคมีของตัวละครนี่แหละ ลุงโรเบิร์ตก็น่ารัก555 คือตัวละครเรื่องนี้น่ารักละเคมีเข้ากันอ่ะ เรื่องเลยดูได้เรื่อยๆ
สรุปเป็นหนังแฟนตาซีที่เนื้อหาเด็กน้อยเลยแหละ แต่มันมีความสนุก มีลายเซ็นเป็นของมัน หนังค่อนข้างมีเสน่ห์ในตัวพอสมควรเหมือนกัน เราคิดว่าถ้ากำลังเบื่อๆเซ็งๆเครียดๆ ดูเรื่องนี้ก็ช่วยคลายอารมณ์ได้อีกเรื่องเหมือนกัน เพราะดูได้เรื่อยๆ ความสัมพันธ์ตัวละครน่ารัก แล้วเรื่องก็ไม่ได้น่าเบื่อเลย​

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *