รีวิว จักรกลเปลี่ยนโลก
รีวิวหนังฮิต เรื่องย่อหนัง ‘Chappie’ ภายในบริษัทอย่าง Tetravaal ยังมีการเมืองกันภายใน เป็นความขัดแย้งกันอยู่ระหว่าง วินเซนต์ (Hugh Jackman) นายทหารเก่าผู้เชี่ยวชาญยุทธวิธีและฝันจะสร้างหุ่นยักษ์ที่จัดการระยะไกล กับดีออน (Dev Patel) หนุ่มเนิร์ดผู้ให้กำเนิดหุ่นตำรวจที่กำลังได้รับความนิยมสั่งเพิ่มแล้วเพิ่มอีกจากกรมตำรวจอยู่ในตอนนี้ ความเห็นที่ไม่ลงรอยกันยังผลให้เกิดการชิงดีชิงเด่นและก่อให้เกิดเรื่องราวในเรื่องที่ผมกำลังเขียนถึงอยู่นี้
ยัง ยังไม่พอ เมื่อดีออนเองก็แอบพัฒนาชิปตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อสร้างหุ่นยนต์คิดเองได้ แต่ไม่ได้รับไฟเขียวให้ทำการทดลองจากหัวหน้าอย่างมิเชล แบรดลีย์ (Sigourney Weaver) เขาจึงเลือกจะทดลองด้วยการใส่มันลงในหุ่นที่กำลังจะถูกทำลาย และมันได้กลายมาเป็นหุ่นชื่อ “แชปปี้”
หลังไม่เปรี้ยงนักกับ ‘Elysium’ นีลก็กลับมาอีกครั้งกับการเล่าเรื่องบ้านเกิด เปลี่ยนไปเล่าเรื่องปัญญาประดิษฐ์แต่ก็ยังคงสไตล์ของหนังในแบบตัวเอง มีปรัชญาคอยแทรกซึม แม้ภายนอกจะเป็นแอ็คชั่นไซไฟทริลเลอร์ แต่เมื่อดูเนื้อในแล้ว แอ็คชั่นไม่ค่อยมากเท่าไหร่ และกลับมีมุมดราม่าเจือๆ มาอยู่ไม่น้อย
เรื่องราวนั้นดูจะให้ความสำคัญไม่น้อยกับ ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหุ่นยนต์ ดีออนเป็นเหมือนผู้สร้างของแชปปี้ ขณะเดียวกัน เขากลับไม่ได้ให้เวลาฟูมฟังแชปปี้มากพอ และเมื่อแชปปี้ถูกเลี้ยงดูในหมู่คนเลว เขาจึงเติบโตขึ้นมาเป็นแบบนั้น
หนังเริ่มต้นคล้ายๆ กับ ‘District 9’ ตรงที่ใส่ภาพข่าวและถ้อยคำสัมภาษณ์เพื่อให้ดูเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ก่อนจะเข้าสู่เหตุการณ์แรกของการทะลายแก๊งโจรซึ่งทำได้ค่อนข้างขึงขังดี แต่หลังจากนั้น หนังก็เริ่มดร็อปลงและหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องราวดราม่าระหว่างคนในบริษัทเดียวกัน แม้ว่าเรื่องมันจะมีแง่มุมที่ดีและน่าสนใจ แต่การดำเนินเรื่องดูจะเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น และดูน่าสงสัยในความสมจริงในบางส่วน ช่วงกลาง ยังพอจะพบส่วนแอ็คชั่นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ชวนลุ้นสนุกได้มากสักเท่าไหร่ แต่ ‘จักรกลเปลี่ยนโลก’ ก็มาตีตื้นได้บ้างในช่วงท้ายเรื่อง หนังกลับมาแอ็คชั่นผสานทริลเลอร์อีกครั้ง และทำให้คนดูได้สนุกลุ้นไปกับเรื่องราวได้พอประมาณ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่า Chappie คือหนังที่มีแก่นหลักว่าด้วย “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง”
เกรงว่าถัดไปข้างล่างนี้จะเป็น “สปอยล์” ตามนิยามของหลายๆ ท่านนะครับ เอาเป็นว่าถ้าใครยังไม่ได้ดูล่ะก็ ผมขอบอกสั้นๆ ตรงนี้ว่า Chappie คือหนังไซไฟว่าด้วยหุ่นยนต์ที่ดูสนุก มีความน่ารัก+ดราม่า+แอ็กชันผสมกัน อาจไม่ถึงกับสุดยอด แต่รสชาติจัดว่าอร่อย และถือว่ายังคงสไตล์ของผู้กำกับ Neill Blomkamp (District 9) ไว้อย่างน่าพอใจอีกด้วย
รีวิว จักรกลเปลี่ยนโลก
Chappie คือหุ่นยนต์ที่มีจิตใจที่ถือกำเนิดขึ้นมาตามสูตรหนังแนวนี้น่ะครับ คือกึ่งๆ ว่าเกิดมาจากความบังเอิญ ซึ่งมันก็ทำให้คนที่พบเห็นบ้างก็ชอบ บ้างก็ตกใจ ก่อนเรื่องราวจะขมวดปมว่ามีทั้งคนอยากปกป้องและอยากทำลายมัน
ในแง่หนังแล้ว Chappie ผสมลีลาของหนังหุ่นนิสัยดีรุ่นพี่อย่าง Short Circuit เข้ากับหนังเกรดบีว่าด้วยโลกอนาคตเถื่อนๆ อย่าง Nemesis (นัยน์ตาเหล็ก) สไตล์หนังเลยกระเดียดไปทางเกรดบีหน่อยๆ (คือดูไม่สะอาดสะอ้าน โลกออกแนวเสื่อมโทรมมากกว่าสดสวย และจิตใจคนบนโลกก็ดูกระด้างยิ่งนัก)
แต่จุดที่ Neill Blomkamp ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นขึ้นมาคือการใช้ความน่ารักไร้เดียงสาของเจ้าหุ่นแชปปี้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะในเชิงตลกขบขัน, เสียดสีสังคม หรือขยี้อารมณ์คนดูให้สะเทือนใจ
ความเหมือนประการสำคัญของ Chappie กับ District 9 คือการสะท้อนด้านโหดร้ายของสิ่งมีชีวิตทีเรียกว่าคน ที่มักจะตื่นกลัวกับสิ่งที่ตนไม่รู้ มักจะปกป้องผลประโยชน์ตนเอง และมักจะอ้างตัวว่าเป็นผู้สร้างสรรค์ท่ามกลางพฤติกรรมทำลายล้าง
กลับมาอีกครั้งกับผลงานของผู้กำกับ “นีลล์ บล็อมแคมป์ (Neill Blomkamp)” ผู้มีสไตล์หนังเด่นชัดเป็นเอกลักษณ์และหลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าพูดถึงภาพยนตร์เสียดสีสังคมแนวดาร์คๆ ที่มีแนวคิดลึกล้ำ และมาพร้อมกับเหล่าสิ่งมีชีวิตหรือเกือบมีชีวิตต่างสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น District 9 กับเหล่าเอเลี่ยนหน้ากุ้งที่ถูกกักกัน และหุ่นยนตร์ทวงสิทธิมนุษยธรรมใน Elysium เชื่อว่าหลายคนคง อ๋อ! ขึ้นมาทันที สำหรับครั้งนี้เป็นการนำเสนอเรื่องราวผ่านในรูปแบบของของหุ่นยนต์ AI หรือหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ ที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกับ Automata ที่พึ่งเข้าฉายในโรงไปเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับพล็อตเรื่องที่ว่า หากหุ่นยนต์เกิดมีชีวิตจิตใจขึ้นมาเหมือนคน จะเป็นยังไง?
Chappie เป็นการภาพยนตร์มีแนวคิดมาจาก Tetra Vaal หนังโฆษณาสั้นๆ ที่ นีลล์ บล็อมแคมป์ กำกับเอง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับตำรวจหุ่นยนต์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศโลกที่สาม และแน่นอนว่าสไตล์ของผู้กำกับคนนี้ก็ยังคงไว้แม้ในกระทั่งหนังเล็กๆ เรื่องนี้ด้วย
เรื่องย่อ
เรื่องราวของหุ่นยนต์ AI ที่ได้รับการออกแบบการทำงานมาอย่างสมบูรณ์แบบ และสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เช่นเดียวกับมนุษย์ แต่กลับถูกลักพาตัว ไปลืมตาตื่นดูโลกอีกที กับเหล่ากลุ่มคนที่สังคมเรียกว่า “อาชญากร”แชปปี้เริ่มต้นการเรียนรู้สิ่งต่างๆ เช่นเดียวกับเด็กที่มีทั้งจิตใจอ่อนโยน ฝักใฝ่ศิลปะ ตลอดจนมีความคิดที่บริสุทธิ์ แม้จะอยู่ในครอบครัวที่ไม่สามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่า “ขาวสะอาด” ในสังคมมนุษย์ก็ตาม
แต่แล้วโลกอันโหดร้ายที่มาจากความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในสิ่งที่มนุษย์ไม่คุ้นเคยก็ค่อยๆ ทำให้แชปปี้ได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเขา และสิ่งที่เรียกว่า “มนุษย์”คำนิยามของมนุษย์นั้นคืออะไรกันแน่? ผู้มีจิตใจเมตตา? ผู้รักสงบ? แต่ทำไมนะ เพียงเพราะความแตกต่างและการมาจากกลุ่มคนที่ไม่ถูกยอมรับ จึงเป็นเหตุผลให้แชปปี้ต้องถูกกีดกันและถูกทำร้ายอย่างนั้นหรือ? และนี่คือสิ่งที่แชปปี้จะต้องเรียนรู้
เรามาดูกันว่าหนังของ “นีลล์ บล็อมแคมป์” จาก District 9 และ Elysium จะถ่ายทอดมุมมองความคิดเกี่ยวกับความเป็น “มนุษย์” ของเราออกมาได้อย่างลึกซึ้งแทงใจดำๆ ขนาดไหน รอชมกันได้ 9 เมษายน 2015 นี้ ที่โรงภาพยนตร์
จักรกลเปลี่ยนโลก
Chappie เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกรมตำรวจในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ที่มีโครงการต้องการลดระดับอาชญากรในเมืองให้ลดลง โดยการนำ “หุ่นยนต์” มาทำหน้าที่นี้ จึงได้ร่วมมือกับบริษัท “Tetravaal” โดยการนำหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบโดย “ดีออน วิลสัน” (นำแสดงโดย เดฟ พาเทล) หนุ่มนักประดิษฐ์ที่ได้ให้กำเนิดหุ่นยนต์ตำรวจที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมาใช้ในโครงการ จึงทำให้มียอดการสั่งซื้อหุ่นยนต์จากกรมตำรวจอย่างต่อเนื่อง
โดยอีกด้านหนึ่ง “วินเซนต์” (นำแสดงโดย ฮิวจ์ แจ็คแมน) นายทหารเก่าที่เชี่ยวชาญทางการรบและมีความใฝ่ฝันที่จะสร้างหุ่นยนต์โจมตีจากระยะไกล ซึ่งในชณะนั้น “วินเซนต์” เองก็ได้พัฒนาโครงการที่เรียกว่า “Moose” นำเสนอให้กับทาง Tetravaal แต่ทาง Tetravaal และกรมตำรวจไม่สนใจ โปรเจคนี้จึงถูกปัดตกไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ “วินเซนต์” เกิดความอิจฉา “ดิออน” เป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาเกิดความไม่ลงรอยและเกิดการชิงดีชิงเด่นขึ้นมา
จนกระทั่ง “ดีออน” ได้พัฒนาระบบ “ปัญญาประดิษฐ์” ขึ้นมาเพื่อจะนำมาใช้กับหุ่นยนต์ให้สามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้ แต่ทาง “มิเชล แบรดลีย์” (นำแสดงโดย ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์) CEO ของ Tetravaal ไม่อนุมัติและขอให้ยกเลิกโครงการนี้ไป แต่ว่า “ดีออน” เองไม่ยอมแพ้ เขาได้แอบลักลอบนำหุ่นยนต์ที่เกิดความเสียหายใช้งานไม่ได้ที่กำลังจะถูกทำลายทิ้งออกมา เพื่อจะนำมาทดสอบระบบปัญญาประดิษฐ์ของเขา แต่จู่ ๆ ก็เกิดมีโจรกลุ่มหนึ่งได้ขโมยหุ่นยนต์ตัวนี้ไปและได้บังคับให้ “ดีออน” โปรแกรมหุ่นตัวนี้เพื่อใช้ในปล้นธนาคาร (เอ๊า! งานเข้าแล้วสิ…) และยังได้ตั้งชื่อให้หุ่นยนตร์ตัวนี้ว่า “Chappie”
“Chappie” จึงได้เข้ามาอยู่ในแก๊งค์ปล้นธนาคารโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย แต่ “ดิออน” ก็พยายามที่จะสอนและปลูกฝังให้ “Chappie” ได้เรียนรู้และเติบโตไปในด้านที่ดีตลอดเวลาเท่าที่มีโอกาสจะทำได้ในขณะที่อยู่ท่ามกลางแก๊งค์โจร แต่ในขณะเดียวกัน “วินเซนต์” ก็คอยตามมารังควาน “ดิออน” อย่างไม่เลิกและยังแอบมีแผนการร้ายอีกด้วย
ความเห็นส่วนตัวหลังจากได้ดูจบ ขอบอกว่า เป็นหนังหุ่นยนต์ Robot ที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ เพราะเป็นหนังหุ่นยนต์ที่ออกมาโทนดาร์คนิดหน่อย แอคชั่นไม่ค่อยเยอะ แต่พล๊อตเรื่องแปลกและแหวกแนวดี อย่างการที่หุ่นยนต์เข้าไปอยู่ในแก๊งค์โจรและต้องเรียนรู้วิถีการเป็นโจร ต้องใส่สร้อยเส้นโต ๆ แบบแนวแร๊ปเปอร์ 555 ที่เราไม่เคยเห็นจากหนังเรื่องไหน แต่หนังก็ทำให้เราได้เห็นถึงความผูกพันดี ๆ
ระหว่างโจรแก๊งค์นี้กับ “Chappie” ด้วยนะคะ หรือแม้แต่นักแสดงตัวพ่อ อย่าง พี่ “ฮิวจ์ แจ็คแมน” ที่ปกติเล่นบทดีมาโดยตลอด แต่ต้องมารับบทร้ายในเรื่อง ขอบอกเลยว่า “พี่แกเล่นได้ร้าย ร้ายจริง ๆ ร้ายจนเราเกลียด 555” ส่วนโทนหนังออกแนวทริลเลอร์ แอบมีติดเรทนิด ๆ เพราะจะมีฉากรุนแรงบ้างนิดหน่อย (ไม่แนะนำให้เด็กดูนะคะ) ตามสไตล์ผู้กำกับ “Neill Blomkamp” จาก “District 9” (2009) และ ‘Elysium’ (2013) จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า “เป็นหนังหุ่นยนต์ที่แปลกและแหวกแนวแน่นอน”
สรุปโดยรวมแล้ว “สนุกทั้งตัวหนังและไอเดียหนังหุ่นยนต์ที่แปลกใหม่ ที่เป็นมากกว่าหนังหุ่นยนต์” แต่ก็ได้แง่คิดกลับมาด้วยว่า “ถ้าหากว่าหุ่นยนต์บนโลกของเราสามารถพัฒนาไปจนถึงขั้นที่จะมีจิตใจและความคิดเป็นของตัวเอง โลกเราจะเป็นอย่างไร และ “มนุษย์” กับ “หุ่นยนต์” จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างไร” แต่ขอบอกว่าแอบ “จุก” ในตอนจบเหมือนกันค่ะ ยังแอบลุ้นอยากให้มีภาคสองเลย เราจึงขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองหาหนังเรื่องนี้มาดูกันนะคะ แล้วจะหลงรัก “Chappie” เหมือนเราเลยค่ะ