รีวิว The shape of water
The Shape of Water เป็นเรื่องราวความรักต่างสายพันธุ์ ระหว่าง Elisa (Sally Hawkins จาก Blue Jasmine) มนุษย์ (หญิงใบ้ภารโรง) กับ อมนุษย์ (พรายน้ำผู้เป็นเสมือนเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำอะแมซอน) (Doug Jones จาก Pan’s Labyrinth) ที่ถูกจับมาขัง และ ทรมานในแล็บทดลองของ Occam Aerospace Research Centre ในช่วง 1960s หรือช่วง Cold War โดย Elisa รักพรายน้ำตนนี้ เพราะเขาเป็นชายคนเดียวที่ฟังเธอ มองเธออย่างที่เธอเป็น ไม่ตัดสิน หรือมองว่าเธอแตกต่างหรือไม่สมบูรณ์จากคนอื่น
เนื้อเรื่อง รีวิว The shape of water
หนัง The Shape of Water หรือชื่อไทยว่า เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์ เรื่องราวของ Eliza (แสดงโดย แซลลี ฮอว์คกินส์) ภารโรงสาวผู้เป็นใบ้ เธอทำงานทำความสะอาดให้กับห้องแล็ปของรัฐบาล สถานที่ที่เธอได้พบรัก กับ สิ่งที่เรียกว่าเป็น “สมบัติล้ำค่า” ของที่แห่งนี้ มันคืออมนุษย์ใต้น้ำ (แสดงโดย ดั๊ก โจนส์) มันถูกคุมขัง และ เตรียมถูกทดลองที่โหดร้ายทารุณ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่สตริคแลนด์ (แสดงโดย ไมเคิล แชนนอน) นั่นทำให้อิไลซาที่เริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้ กับ เจ้าอมนุษย์ตัวนี้เริ่มวางแผนที่จะพามันหลบหนีให้ได้
เรื่องย่อ รีวิว The shape of water
เดอะ เชฟ ออฟ วอเทอร์ บอกเล่าเรื่องราวของ เอไลซ่า (รับบทโดย แซลลี ฮอว์กินส์) หญิงสาวผู้ไร้เสียง เธอมีความปรารถนาในกามารมณ์เนื่องด้วยความโดดเดี่ยวที่เธอไม่มีใครข้างกาย คนสนิทของเธอมีเพียงแค่ กิลส์ (รับบทโดย ริชาร์ด เจนกินส์ ) เพื่อนบ้านผู้เป็นเกย์ และ เซลด้า (รับบทโดย อ็อกตาเวีย สเปนเซอร์ ) เพื่อนร่วมงานเท่านั้น เอไลซ่าทำงานเป็นแม่บ้านกะดึกประจำ
ศูนย์วิจัยอวกาศ ทุกวันของเธอเป็นไปอย่างซ้ำซากจำเจ จนวันหนึ่งศูนย์วิจัยได้นำเอาสิ่งมีชีวิตประหลาด รูปลักษณ์เหมือนมนุษย์บาดาลเข้ามาเพื่อทำการทดลอง และ นั่นคือการเกิดขึ้นของรักแรกพบของเอไลซ่า เธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะช่วยเหลือเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ให้รอดพ้นจากการทดลอง…สัตว์ประหลาดที่เธอตกหลุมรัก ดูหนัง
สิ่งที่โดดเด่นนอกจากพล็อตอันแสนล้ำแล้ว คือ เพลงประกอบภาพยนตร์ที่ใส่มาได้ถูกที่ถูกจังหวะ ยิ่งช่วยขับดันให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โรแมนติกขึ้นอีกหลายเท่าตัว เสริมความงดงาม และ อารมณ์ให้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือบทของภาพยนตร์ ที่แม้จะเป็นขั้วสลับด้านของ The Little Mermaid แต่ The Shape of Water ก็ได้พาเราไปไกลกว่านั้น
ด้วยความรักของผู้ใหญ่ที่หลายฉากออกจะวาบหวามไม่น้อย ยิ่งฉากเข้าพระเข้านางระหว่างเอไลซ่า และ เจ้าตัวประหลาดนั้น แรกเริ่มอาจเป็นความแปลก แต่หนังทำให้เราเห็นความงดงามในตัวพวกเขา และ หลงใหลได้โดยไม่รู้ตัว ทำให้เราเห็นความรักของพวกเขาไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป
ท่ามกลางความโรแมนติกที่แสนละมุนละไม อีกแง่มุมหนึ่งของ The Shape of Water คือภาพยนตร์ของเหล่าคนชายขอบที่ไร้ความสนใจอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้พิการ, ตัวประหลาด, กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ, ชาวผิวสี, ชนชั้นกลางของอเมริกันผู้ยึดถือในหลักของความเท่าเทียมอย่าง American Dream ร่วมไปถึงประเด็นการแข่งขันทางการไปเยือนอวกาศในยุคสงครามเย็น ระหว่างสหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต ประเด็นที่หลากหลายนี้กลับถูกฝีมือของกิเยร์โม เดล โตโรรังสรรออกมาเป็นความโรแมนติกที่แสนจะกลมกล่อม สมกับการเข้าชิงรางวัลออสการ์สูงถึง 13 รางวัลทุกประการ
เรียกได้ว่าสมกับเป็นหนังรางวัลออสการ์ที่เลือกนำเสนอเรื่องด้วยการไม่ใช้สัญญะที่ซ่อนเร้นมากนักอย่างหลายเรื่องที่เรามีโอกาสได้เห็นกันเรื่อง “The Shape Of Water” นี้ถือเป็นอีกหนังที่ครองใจผู้ชมอย่างเราไปเรียบร้อยด้วยการเล่าเรื่องที่ประณีตแต่ไม่ได้เนิบช้า การใส่ใจทุกรายละเอียดจนทำให้เราประทับใจได้ไม่ยาก
ซึ่งองค์ประกอบของหนังทำให้คนดูรู้สึกอินไปตามเรื่อง และ ไม่ได้เพียงความบันเทิงแต่ยังได้ข้อคิดกลับมาในชีวิตนั่นถือเป็นสิ่งสูงสุด ฉากหลังของหนังเป็นเหตุการณ์ช่วงสงครามเย็นที่รัสเซียกับอเมริกา ยุค70s หนังได้เล่าถึง “เอไลซ่า” สาวใบ้ที่ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดให้กับสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเธอใช้ชีวิตอย่างปกติทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อทีมวิจัยได้ทำการจับตัว “มนุษย์น้ำ” จากแถบอเมริกาใต้มา ก็ทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป ดูหนังออนไลน์
ในหนังเราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของเอไลซ่ากับมนุษย์น้ำที่แม้ว่าทั้งสองจะไม่สามารถสื่อสารกันได้เลย แต่กลับเป็นความเข้าอกเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งผ่านแววตา และ ท่าทีต่าง ๆ แทน จนความรู้สึกเหล่านั้นก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมา ซึ่งก็ถือเป็นจุดแฟนตาซีของเรื่อง ความรักที่บางทีก็ไม่ได้นำมาเฉพาะความสุข มันนำพาให้เราทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่เสมอ เอไลซ่าหวังจะลักลอบพามนุษย์ไปปล่อยที่ทะเลเพื่ออิสรภาพของเขา
ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องจบชีวิตลงในห้องทดลองนี้แน่ ๆ และ หลังครึ่งหลังต่อจากนี้จะเป็นภารกิจการตามตัวเขากลับมาของตัวร้ายของเรื่อง ความเห็นส่วนตัวคิดว่าหนังเรื่องนี้แทรกประเด็นต่าง ๆ ได้แนบเนียบมาก เช่น การเหยียดสีผิว เพศ เชื้อชาติ อีกทั้งยังทำให้เห็นความมีมนุษยธรรมของมนุษย์แต่ละคนอีกด้วย สำหรับโปรดักชั่นนั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยม และ น่าชื่นชมมาก
ส่วนนักแสดงนั้นสามารถตีบทได้แตกกระจุย และ ทำให้คนดูอย่างเราอินไปกับบทบาทมากเสียจนเชื่อว่ากำลังดูชีวิตของหญิงสาวที่รัก กับ มนุษย์ต่างสายพันธุ์จริง ๆ หนังเรื่องนี้ถือเป็นงานละเอียดที่ควรค่าต่อการเสียเวลาชมอย่างยิ่ง ใครที่เป็นแฟนหนังแฟนตาซีไม่ควรพลาดอย่างแท้จริง
หนังเซ็ตในยุค Space Age ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากสงครามเย็น ความกลัวต่อระเบิดนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่หลอกหลอนชาวอเมริกัน และ ชาวโลกอยู่ในใจลึกๆ เลยไม่แปลกที่จะมีการทดลองที่แสนไร้มนุษยธรรม ไร้ศีลธรรม และ เต็มไปด้วยความทารุณ เพื่อนวัตกรรมที่ก้าวหน้า นึกดูว่าถ้าเกิดว่าอยู่ๆ เกิดสงครามระเบิดนิวเคลียร์ขึ้นจริงๆ นวัตกรรมเหล่านี้จะให้มนุษย์สามารถอยู่รอดบนสภาวะที่ท้าทายได้ ไม่ต้องย้อนไปไกล ขนาดตอนนี้เรา รีวิวหนัง
ยังรู้สึกเลยว่าโลกเราไม่น่าอยู่ ยุคสงครามเย็นเป็นยุคที่เต็มไปด้วยสายลับ ที่จะล้วงเอาข้อมูลของวัฒนาการขั้นสุดยอดแห่งศัตววรษมาใช้ได้ก่อนอีกฝ่าย ทำให้เกิดความสงสัยต่อคนรอบข้างตลอดเวลา การแข่งขันกันระหว่างหลักการประชาธิปไตยของอเมริกา กับ หลักการคอมมิวนิสต์แบบโซเวียตเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินกว่าคำว่าขาว กับ ดำ ดี กับ ชั่ว ถูก กับ ผิด แต่แทบทุกคนใน
ยุคนั้นถูกหล่อหลอมออกมาให้คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนร้าย เพราะต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าหลักการของประเทศตัวเองดีที่สุด ถูกต้องที่สุด สิ่งที่ง่ายต่อการบอกคนในชาติตัวเองว่าหลักการของตัวเองดีที่สุด คือการสร้างปีศาจขึ้นมา แล้วก็ขู่ให้คนอยู่ภายใต้ความกลัว อเมริกันสร้างปีศาจโซเวียตในขณะที่ชาวโซเวียตเอง ก็สร้างปีศาจแยงกี้อเมริกัน
ท้ายที่สุดนี้ นอกเหนือไปอรรถรสด้านความบันเทิงที่ The Shape of Water มอบให้เราแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีอิทธิพลบางอย่างที่เกิดขึ้นในความคิดของเราด้วย บ่อยครั้งที่ความรักมักถูกจำกัดด้วยเส้นแบ่งด้านความแตกต่าง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้พาเราไปรู้จัก กับ แง่มุมที่ประหลาดที่สุดของความรัก ก่อนจะค่อย ๆ ละลายความรู้สึกนั้นออกไปเรื่อย ๆ จนเส้นแบ่งมันเริ่มพร่าเลือน และ เราได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วความรักก็เป็นเหมือนน้ำ มันอยู่รอบตัวเรา เป็นรูปลักษณ์ที่โอบล้อมเราเอาไว้ตลอดเวลา โดยไม่แบ่งแยกด้วยเหตุผลใด ๆ