รีวิว Cruella
รีวิวหนังฮิต ฮาโหล สวัสดีครับทุกคนน แอดบี ไม่อยู่ วันนี้ แอด เอฟ จะมารีวิว ให้เองน้าา เนื่องจากแอด บีไม่สบายนิดหน่อยน่ะ วันนี้ก็อยู่กับหนัง เรื่อง Cruella นั้นเอง ส่วนเนื้อเรื่อง สุดคลาสสิค จะเป็นอย่างไรนั้น เราไปอ่านรีวิวกันเลย ครับ
รีวิว Cruella:ครูเอลล่า (2021) นับเป็นการกลับมาอีกครั้งของตัวละครสุดคลาสสิค ครูเอลลา เดอ วิล สุดยอดตัวร้ายที่ใคร ๆ ก็รัก มาจากนวนิยายเรื่อง ขบวนการหมาจุด ของโดดี สมิธใน 1956 ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง ทรามวัยกับไอ้ด่าง ของวอลต์ดิสนีย์ใน ใน 1961 และเป็นภาพยนตร์ฉบับ live action ในปี 1996 การกลับมาของครูเอลล่าในปี 2021นี้ จะทำให้เรารู้จักเรื่องราวของในเอลล่ามากยิ่งขึ้น รู้จักภูมิหลังของเธอนะตั้งแต่วัยเด็กจนก้าวขึ้นมาสู่ตัวละครวัยร้ายที่ใคร ๆ ก็รัก นำแสดงโดย เอมมา สโตน หนังจะพาคุณโลดแล่นเข้าสู่ฟาดฟัน ในโลกของแฟชั่นยุค 70 การสร้างสรรค์ของตัวละคร ครูเอลล่า แฟชั่นดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ที่หาญกล้าเทียบรุ่น บารอนเนส แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังที่สุดของอังกฤษ เจอเรื่องราวความสนุกสนานจะเป็นอย่างไรนั้น แล้วความรู้สึกหลังดูของเราจะเป็นอย่างไร ขอให้ทุกท่านเชิญ ทัศนาดับและสดับรับฟังจากรีวิวนี้ได้เลยครับ
#เรื่องย่อเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน
ครูเอลลาในฉบับปี 2021 ได้เล่าเรื่องราวของเด็กหญิงเอสเตลล่า ที่ในวัยเด็กเธอคืออัจฉริยะ เป็นตัวแสบ เข้ากับสังคมได้ยาก มีเพื่อนน้อย และก่อปัญหาภายในโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง จนแม่ของเธอที่มีอาชีพเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ต้องพาเธอย้ายไปในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
แต่เนื่องจากสถานะทางการเงินไม่ค่อยดีนัก ระหว่างที่เดินทางแม่ของเธอก็ได้ไปพบกับคนคนหนึ่งในปราสาทหลังใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ครั้งนั้นด้วยความซุกซนความอยากรู้อยากเห็นของเอสเตลล่า ก็เป็นเหตุที่ทำให้แม่ของเธอเสียชีวิต จนทำให้เธอระหกระเหินเร่ร่อนมาอยู่ในลอนดอน
ที่น้ำพุในสวนแห่งหนึ่ง เธอได้พบกับเพื่อนชาย 2 คน ที่เป็นเด็กเร่ร่อน แล้วก็ได้ชวนเธอให้ไปอยู่ด้วยกัน ออกขโมยของเล็ก ๆ น้อย ๆ ประทังชีวิต อยู่อย่างนี้ตั้งแต่เล็กจนโต
จนเมื่อเอสเตลล่าโตขึ้น เธอก็ยังขโมยของอยู่เช่นเดิม แต่ละลึกภายในใจแล้วสิ่งที่เธออยากเป็นก็คือแฟชั่นดีไซเนอร์เหมือนกับแม่ของเธอ ทุกวันที่เธอไปขโมยของเธอก็ต้องมองป้ายโฆษณาของ House of Baroness เป็นแบรนด์เสื้อผ้าชั้นแนวหน้าของประเทศอังกฤษ เพื่อนชายทั้งสองก็เห็นว่าชีวิตการลักเล็กขโมยน้อยนั้นไม่ใช่ชีวิตของเอสเตลล่า จึงหาทางให้เธอได้ไปทำงานในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของอังกฤษคือ Liberty ที่ขึ้นชื่อด้านการขายเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์เนมชั้นดัง เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
รีวิว Cruella
จากผลงานสุดระห่ำของเธอก็ดันไปเข้าตาบารอนเนส เจ้าแม่แฟชั่นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า House of Baroness ดึงเธอไปทำงานด้วยในฐานะแฟชั่นดีไซเนอร์คนหนึ่ง
ด้วยความขยันอดทน และความรักในการออกแบบเสื้อผ้าของเอสเตลล่า จึงเป็นที่ชื่นชอบขอบารอนเนสเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่เจ้านายของเธอนั้นเป็นคนยกย่องแต่ตัวเอง ดูถูกคนอื่น เอาความดีใส่ตัวเองเอาชั่วใส่คนอื่น เป็นคนที่มีอัตตาสูง หวังแต่จะเอาชนะ ไม่เคยคิดถึงจิตใจของลูกน้องเลย และที่สำคัญคือเห็นแก่ตัวเป็นอย่างมาก วันหนึ่งเอสเตลล่า ได้ออกแบบชุดหนึ่งที่สวยมาก แต่บารอนเนส ก็ได้เอาแบบชุดของเธอไปเป็นผลงานของตัวเอง
นี่คือจุดแตกหักที่ทำให้เอสเตลล่าไม่สามารถทนบารอนเนสได้อีกต่อไป เธอจึงหาทางแก้เผ็ดโดยการทำให้ตัวเองเป็นครูเอลล่า เธอได้ร่วมมือกับดีไซเนอร์คนหนึ่ง และเพื่อนของเธออีก 2 คน สร้างความโด่งดังของตัวเองตัดหน้าบารอนเนสหลาย ในการออกแบบชุดที่สวยเลิศ เฟี้ยวฟ้าวกว่าใคร การเปิดตัวที่อลังการสร้างความประทับใจให้กับผู้คน จนตัดหน้าบารอนเนสหลายครั้ง
แต่จุดสำคัญที่สุดที่ทำให้เอสเตลล่ากลายเป็นครูเอลล่า อาชญากรตัวร้ายที่สุด ก็คือ เธอได้ล่วงรู้ถึงสาเหตุการตายของแม่เธอ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับบารอนเนส จากการแก้เผ็ดจึงกลายเป็นการล้างแค้น และการขับเคี่ยวกันของ 2 ตัวละคร ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นก็ขอให้ไปติดตามรับชม Cruella ฉบับ ปี 2021 ได้ทาง Disney+ เลยครับ
หลังจากดู Cruella จบแล้วก็ต้องขอบอกว่าเป็นหนังจากทางค่ายดิสนีย์ที่มีความประทับใจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุน ด้านบท การดำเนินเรื่อง การออกแบบ การแสดง
ดูแล้วให้ความรู้สึกหลากหลายอารมณ์มาก เริ่มจากการเป็นหนังแนวโจรกรรม สู่การแข่งขันทางแฟชั่น ที่ทำให้คิดถึง The Devil Wear Prada จากนั้นหนังก็เข้าสู่หนังแนวโจรกรรม แล้วก็ไปจบลงตรงที่หนังแนวล้างแค้นอย่างสวยงามเลยครับ
เขาตัดความเป็น Fairy Tail ออกไป เน้นความเป็น Realistic เพิ่มความเป็น comedy feel good ถือว่างดงามมาก
เอมมา สโตน รับบทเป็นครูเอลล่าได้ดีมาก และ เอ็มมา ทอมสันก็บทเป็นบารอนเนสได้ดีไม่แพ้กัน ทั้งสองตัวละครเขาเชือดเฉือนกันมันหยด เล่นดีมากคุ้มค่านักแสดงรางวัลออสการ์ทั้งคู่ หนังฟรี หนังใหม่
ความรู้สึกส่วนตัว
นักแสดงประกอบแต่ละคนก็สร้างสีสันให้กับเรื่องได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของครูเอลล่าทั้งสองคน มาร์ตี้แฟชั่นดีไซเนอร์เพื่อนของครูเอลล่า หรือแม้กระทั่งน้องหมาของครูเอลล่า น้องหมาของเพื่อน ๆ เธอ และน้องหมาดัลเมเชียน 3 ตัว ที่จะกลายเป็นที่มาของ 101 Dalmatians ในอนาคต ถือว่าองค์ประกอบของนักแสดงหลักและนักแสดงสมทบนั้นลงตัวมาก ๆ ในด้านของการ casting ทั้งหมดนั้นถือว่าลงตัวเป็นอย่าง
ชอบทีมกำกับศิลป์ทั้งหมด ชอบบรรยากาศของแฟชั่น การออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายหน้าผม ดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าทีมงาน Fashion Design Designer ทีมตัดเย็บเสื้อผ้าจะทำงานกันสนุกสนานมากขนาดไหน เพราะสิ่งที่เราเห็นในภาพยนตร์นั้นมันดีมาก เสื้อผ้าแต่ละชุดถือว่าสวยดีมาก เฉพาะชุดสีแดงเพลิงที่ครูเอลล่าใส่เปิดตัวในงานเลี้ยงถือว่าเลิศสุด ๆ ในด้านการออกแบบเครื่องแต่งกาย ผมมองว่าควรจะไปถึงออสการ์ด้วยซ้ำ
ชอบที่เขาหยิบยกเอาเรื่องราวด้านแฟชั่นมาซัดกันแบบนัวเนีย ชอบการแย่งซีนกัน เราจะได้เห็นฉากเจ๋ง ๆ ในด้านการนำเสนอเสื้อผ้าผ่านตัวละครครูเอลล่าที่จะทำให้คุณอึ้ง
ชอบการสร้างบรรยากาศของอังกฤษ ชอบเพลงที่เอามาประกอบหลายเพลง แค่ได้ยินเพลง One way or another ก็กรี๊ดแล้ว
หนังมีความลงตัวสูงมาก บทและวิธีการดำเนินเรื่องดี เร็ว กระชับ จุดหักเหคือจุดแตกหักของเรื่องก็ถือว่าดี
ส่วนในด้านการให้เสียงภาษาไทย โดยคริส หอวังพากษ์เป็นตัวละครครูเอลล่า เมื่อผมดูหน้าสีหน้า แววตา การออกลีลาของเอมมา สโตนในการเป็นครูเอลล่า ผมว่าคริส หอวังยังพากษ์เสียง ไม่ถึงอารมณ์ของตัวละคร ไม่เข้ากับบุคลิกของตัวละครอย่างที่ควร ที่สำคัญเสียงมันแปลกหูครับ
แต่ความดีงามที่สำคัญที่สุดของเรื่องก็คือปรัชญาของเรื่องนั้นเอง หนังที่ทำให้เราเห็นว่า ความโกรธ ความเคียดแค้น การคิดแต่เอาชนะคะคานกัน คิดแต่จะแก้แค้นกัน มันทำให้คนเราขาดสติ และเมื่อขาดสติก็จะเกิดอาการหน้ามืดตามัว ลืมเพื่อนลืมฝูง มองความถูกต้องไปซะทั้งหมด แล้วมันก็สร้างผลอันเลวร้ายตามมาอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
ความละเอียดยิบของหนังนี่แหละสร้างเสน่ห์ให้กับตัวละครตัวนี้ค่อนข้างเยอะมาก หนังบอกถึงมุมมอง และเหตุการณ์ที่พลิกผันให้ ขบฏสังคม คนหนึ่งลุกขึนมาเฉิดฉายในวงการแฟชั่นเทียบเคียงกับเจ้าแม่แฟชั่นที่มีชื่อเสียงอยู่ก่อนแล้ว และก็ยังสร้างน้ำหนักเหตุผลให้เป็นแรงดึงดูดที่จะโค่นล้มเจ้าแม่แฟชั่นคนเก่าให้จมดินอีกด้วย
ถ้าบอกว่าเรื่องนี้เป็นหนังของ Fashionista โดยเฉพาะก็คงจะพูได้ไม่เต็มปาก เพราะถึงแม้หนังจะเป็นแนวสู้รบปรบมือกันด้วยแฟชั่น แต่หนังก็มีปมที่ให้หนังเอามาขยี้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ จนกลายเป็นความเข้มข้ม แถมยังมีจุดหักมุมที่คาดไม่ถึง ยิ่งทำให้ออกมาเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันแบบสุดๆ
ถ้าบอกว่าใน “101 และ 102 Dalmatians” บท “Cruella” ของ “Glenn Close” คือที่สุดของหนังแล้ว ต้องบอกว่าในเวอร์ชั่นของ “Emma Stone” ก็คือที่สุดเช่นกัน เผลอๆ จะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะด้วยเวอร์ชั่นของ “Glenn Close” นั้นออกจะดูเป็นหนังที่สร้างมาเพื่อเป็นหนังครอบครัว หรือหนังที่จับกลุ่มคนดูอายุน้อยเป็นหลัก แต่เวอร์ชั่นของ “Emma Stone” นั้นออกจะ Realistic, โตเป็นผู้ใหญ่ และดาร์คกว่ามากพอสมควร ซึ่งมันคือความแตกต่างที่เรียกคนดูในวัยที่โตขึ้นได้แน่นอน
Cruella คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์ของความเป็น Walt Disney สูงมาก ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร จุดลงของเรื่องก็สวยงาม ซึ่งตอนแรกที่ดูจากตัวอย่างหรือการโปรโมทก็ไม่คิดว่าหนังจะสนุกได้ขนาดนี้ ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ Disney สร้างเอาไว้เลยครับ และที่สำคัญดูแล้วมีความสุขจริง ๆ ครับ
ดังนั้น Cruella ฉบับปี 2021 โดยส่วนตัวแล้วผมถือว่าเป็น live action จากวอลท์ดิสนีย์ที่ผมชอบมาก ๆ หากยึดเอาความชอบส่วนตัวก็คงจะเป็นรองแค่ Beauty and the Beast ฉบับ live action ที่ใช้ในปี 2017 แค่นั้นเองครับ