รีวิว Parasite ชนชั้นปรสิต

รีวิวหนังฮิต  ชีวิตอันตกต่ำ ของคิมกีวู (ชเว วู-ชิก) เหมือนส้มหล่น ฟองสบู่แตก เมื่อเขาได้เข้าไปสวมบท ติวเตอร์ให้บ้านมหาเศรษฐี ตระกูลปาร์ค แทนเพื่อน ที่ไปเรียนเมืองนอก ด้วยเห็นช่องทาง ‘เกาะเขากิน’ อันแสนเห็นแก่ตัว
เขาจึงเริ่มแผนการพาครอบครัวตัวเองเข้ามาอาศัยครอบครัวมีอันจะกินเป็นแหล่งทำเงินเพื่อหวังหลุดจากชีวิตอันแสนแร้นแค้น เริ่มจากให้ คิมคิ-จอง (พัคโซดัม) น้องสาวเข้ามาสวมบทครูศิลปะให้ลูกชายคนเล็ก ให้ คิมกีแท็ก (ซงคังโฮ) พ่อของเขามาเป็นโชเฟอร์ให้คุณผู้ชาย และคิมชุงซุค (จัง ฮเยจิน) คนแม่เข้ามาเป็นแม่บ้าน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือความลับบางอย่างที่ มุนกวัง (อี จอง-อึน) แม่บ้านคนเก่าแอบซ่อนไว้ที่กลายเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่อาจพลิกชะตาครอบครัวกำมะลอไปตลอดกาล
รีวิว Parasite ชนชั้นปรสิต
สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex
เรียกได้ว่าแค่พะยี่ห้อหนังรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ก็ทำให้ Parasite กลายเป็นหนังที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงอยู่แล้ว แต่ในเหรียญอีกด้านของการสื่อสารไปยังกลุ่มคนดูวงกว้างเองตัวหนังก็เหมือนถูกสาปด้วยรางวัลเหมือนกัน เพราะจากภาพจำของคนดูบ้านๆร้านตลาดอาจตั้งกำแพงแล้วว่าหนังจะต้องดูยาก คิดเยอะ คิดหัวแทบแตก หรือจะสื่อสารกับกลุ่มคนดูซีรีส์เกาหลีเอง นี่ก็ดันไม่ใช่หนังที่มีฉากหวานๆหรือคู่ชวนจิ้นเหมือนดั่งซีรีส์บันเทิงที่พวกเขาเสพอยู่ประจำเสียด้วย เอาล่ะ ท่ามกลางความไฮป์ที่เพจหนังหลายๆเพจพยายามกรอกหูเราว่าอย่าพลาด! อย่าพลาด! เราลองมาดูดีกว่าว่าถ้าคิดกำเงิน สองร้อยกว่าบาท ไปเสียตังค์ดูหนังเรื่องนี้เราจะได้อะไรบ้าง
รีวิว Parasite ชนชั้นปรสิต
ได้ขำกับชีวิตอันขื่นขม
หากการได้ร่วมทานข้าวและหัวเราะกับครอบครัวที่แม้ไม่ได้หรูหราแต่กลับสุขใจคือประสบการณ์ชีวิตที่นึกถึงทีไรก็สุขใจ ครอบครัวคิมที่ต้องแออัดในบ้านใต้ดินแต่กลับมีกันและกันก็จะทำให้คุณนึกถึงและได้ดื่มด่ำกับความสุขที่พวกเขาพร้อมหยิบยื่นให้กันและกัน ตลอดช่วงปูเรื่องของหนังแม้งานภาพที่ อเล็กซ์ ฮง ตากล้องคู่บุญของผู้กำกับ บงจุนโฮ จะจับภาพในบ้านหลังเล็กๆที่อยู่ในระดับต่ำกว่าท้องถนนด้วยรายละเอียดที่เห็นทั้งคราบเชื้อราและผนังอันสกปรกแบบคนคุณภาพชีวิตต่ำ แต่เรากลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ความห่วงใยกันและกัน ในทุกห้วงเวลาทั้งการพยายามหาสัญญาณไวไฟฟรี, ขับไล่คนเมาที่มาฉี่ใส่หน้าบ้าน หรือกระทั่งตอนพวกเขารับจ้างพับกล่องพิซซ่าท่ามกลางควันจากเครื่องพ่นยากำจัดแมลง เราก็ยังรู้สึกว่าพวกเขาพยายามประคับประคองให้กำลังใจและดูแลกันอย่างดี บวกกับบทสนทนาที่เขียนได้เป็นธรรมชาติและได้รับการถ่ายทอดจากทีมนักแสดงฝีมือฉกาจก็พร้อมจะให้เราคล้อยตามกับแผนการร้าย ที่แม้จะเป็นสิ่งผิดแต่เรากลับเข้าใจได้ว่ามันจำเป็นต้องทำ “เพื่อถีบตัวเอง” ออกจากชีวิตพลเมืองชั้นเลวจนอดเอาใจช่วยและลุ้นไปกับชะตากรรมของพวกเขาไม่ได้

รีวิว Parasite ชนชั้นปรสิต

รีวิว Parasite ชนชั้นปรสิต

ได้ระทึกกับความลับสุดช็อก
ประเด็นนี้ดูจะสุ่มเสี่ยงกับการ ‘สปอยล์’ ที่สุด แต่สิ่งที่พอจะบอกได้คงต้องย้อนไปที่ชื่อเรื่องภาษาไทยอย่าง ‘ชนชั้นปรสิต’ ที่ทั้งบอกใบ้และให้ใจความของเรื่องได้ดีที่สุด ณ.จุดนี้หนังทำงานกับคนดูตั้งแต่บทที่กระมิดกระเมี้ยนในการคายข้อมูลแต่ละอย่างออกมาอย่างระมัดระวังไม่ต่างจากหนังทริลเลอร์สไตล์ผู้กำกับ อัลเฟรด ฮิตช์คอก อย่างข้อมูลตัวละครนำทั้งฝั่งครอบครัวคิมอันแร้นแค้นที่ค่อยๆคายข้อมูลตัวละครออกมาคู่ขนานไปกับแผนแปลงเป็น ‘กาฝาก’ ครอบครัวปาร์ค และในทางกลับกันทัศนคติของครอบครัวคนรวยอย่างครอบครัวปาร์คก็เป็นเหมือนบทเปรียบเทียบชะตากรรมของชนชั้นปกครองกับชนชั้นที่ขอสถาปนาคำว่า “ขออาศัยเขาอยู่” ซึ่งหนังก็เล่นเอาล่อเอาเถิดตั้งแต่การทดสอบก่อนเข้างานไปจนถึงสร้างสถานการณ์ชวนระทึกอย่างฉาก “ขอเป็นคนรวยสักวัน” ที่หนังวางหมากพลิกผันสถานการณ์จนเดาอะไรไม่ถูกไปพร้อมๆกับการวิพากษ์ความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างคมคายไม่ยีดเยียดและที่สำคัญดูไปอาจเกิดอาการหน้าชาเหมือนถูกลากไปตบกลางสี่แยก เมื่อพบว่าไปๆมาๆเราก็อาจอยู่ในสถานะ “ขอเขาอยู่” ในประเทศนี้ไม่ต่างกันเลย
งานสร้างโคตรประณีต
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าภายใต้หน้าหนังที่ดูเหมือนเล่าเรื่องชีวิตคนทั่วไปไม่ได้มีสเปเชียลเอฟเฟกต์หรือฉากที่ดูตระการตาแต่ Parasite ทุ่มงบประมาณถึง 13ล้าน5แสนวอน หรือราวๆ 11 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อเลยว่าส่วนหนึ่งคือการทุ่มงบประมาณไปกับงานสร้างแน่ๆ เพราะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าตัวบ้านในหนังแทบจะเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งได้เลย ในบ้านของครอบครัวคิม ถูกออกแบบให้หน้าต่างมองออกไปเห็นพื้นถนนพอดี ซึ่งแน่นอนว่ามันแทบจะสถาปนาชีวิตอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้แทบไม่ต้องใช้คำพูดใดๆอยู่แล้ว แต่ภายในบ้านกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ดูใส่ใจมากทั้งคราบเชื้อรา คราบสกปรกบนผนัง การออกแบบให้วางชักโครกอยู่บนฐานสูงๆดูประหลาดเพื่อบ่งบอกว่าครอบครัวนี้แทบจะใช้ชีวิตอยู่ในระดับเดียวกับกองอาจมที่พวกเขาขับถ่าย รวมไปถึงทางเดินกลางบ้านอันแสบแคบที่แม้จะดูอึดอัดแต่เรากลับรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดและเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือกันและกัน
ในทางตรงกันข้าม- ครอบครัวปาร์ค ที่เราจะเห็นบ้านที่ถูกออกแบบให้ดูหรูหรา ตกแต่งด้วยของสวยๆงามๆ (ผิดกับบ้านคิมที่มักโยนของเป็นกองพะเนิน) และหนังมักเน้นบันไดที่เราแทบไม่ได้เห็นในบ้านครอบครัวคิม เพื่อแสดงถึงการก้าวไปอยู่ในฐานะสูงกว่าเสมอ และแน่นอนไฮไลต์เด็ดของเรื่องคือการที่บ้านหรูมีหน้าต่างกระจกบานยักษ์ไว้ดูฝนตกที่สวนอันงดงาม ช่างแตกต่างจากวิวถนนอันโสโครกและมีแต่คนเมาจ้องจะฉี่ใส่บ้านของพวกเขาอย่างลิบลับทีเดียว ซึ่งนั่นทำให้งานสร้างได้สร้างความหมายให้เรื่องราวได้อย่างลึกซึ้งมากเลยทีเดียว
งานแสดงแบบฟาดๆจากเหล่าโอปป้า และสาวสวย
ก่อนเราจะพูดถึงรุ่นใหญ่อย่าง ซงคังโฮ เชื่อว่าคนดูทั่วไปหากได้ดูตัวอย่างน่าจะสะดุดตากับเหล่านักแสดงหน้าตาดีกันบ้าง เริ่มจาก ชเว วู-ชิก อดีตนักแสดงสังกัดเจวายพี (JYP Entertainment)ที่เคยผ่านตาเราทั้งบทแฟนหนุ่มของสาวโซฮีวง Wonder Girls ใน Train to Busan ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง อันโด่งดังรวมถึงเคยร่วมงานกับ บงจุนโฮ ใน Okja มาก่อนหน้านี้ ซึ่งหนุ่ม วู-ชิก ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นอกจากจะโชว์เสน่ห์ด้วยหน้าหล่อๆแบบโอปป้าแล้ว ฝีมือการแสดงในหนังยังเรียกร้องเขามากกว่าแค่ความหล่อ เพราะต้องแบกทั้งภาระในการพาครอบครัวมาสู่สิ่งที่ดีกว่าไปจนถึงความผิดบาปที่ค่อยๆทวีขึ้นเรื่อยๆจนเราอดเอาใจช่วยและสะเทือนใจกับชะตากรรมของ คิมกีวู ที่เขาแสดงไม่ได้ และสำหรับหนุ่มๆคงไม่อาจละสายตาจากสองสาวสวยน่ารักได้แน่ๆ ทั้ง พัคโซดัม และ ฮยอนซึงมิน โดยเริ่มที่ พัคโซดัม ในบทคิมคีจอง น้องสาวตัวแสบของกีวูที่ใช้เล่ห์กลและความมั่นใจค่อยๆหลอกเกาะกินครอบครัวปาร์คได้อย่างชาญฉลาด  ซึ่ง พัคโซดัม ที่โด่งดังจากซีรีส์ Cinderella with four knights หรือ ปิ๊งรักยัยซินเดอเรลล่า ก็ใช้ความเก๋ของหน้าตาและบุคลิกเท่ๆมาทำให้หนุ่มๆ (และอาจจะสาวๆด้วย) ละลายได้ไม่ยากเลย
ส่วน ฮยอนซึงมิน ในบท ปาร์ค ดา-ฮเย ลูกสาวคนโตของบ้านปาร์คที่ชอบอ่อยเบอร์แรงแถมยังขยันหยอดจนติวเตอร์หนุ่มอย่าง วู-ชิก เคลิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งฮยอนซึงมิน อดีตนักสเก็ตน้ำแข็งที่มาโด่งดังกับซีรีส์ W ก็ขยันทำหน้าออดอ้อนจนเราเข้าใจเลยว่า ทำไมไอ้หนุ่ม คิมวู-ชิก มันถึงเก็บไปวาดวิมานกลางอากาศได้เบอร์นั้น 555  ขยับไปที่รุ่นกลางอย่าง อีซอนกยุน ในบทคุณปาร์ค ก็พาหน้าหล่อๆมาดเท่ๆสไตล์ CEO บริษัทแก็ตเจ็ตไฮเทค มาวางท่านายใหญ่เจ้าชีวิตได้อย่างน่าเกรงขาม และอดีตพระรองของ รักวุ่นวายของเจ้าชายกาแฟ หรือ Coffee Prince ซีรีส์สุดฮิตที่เคยขโมยหัวใจสาวๆมาแล้ว ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแถมตัวละครของเขายังเล่นบทบาทสำคัญในตอนท้ายแบบช็อกซีนีม่าเลยทีเดียว และขอปิดท้ายที่ โจยอจอง ในบท ปาร์คยอนคโย ภรรยาสาวสวยสติแตกที่ดันเชื่อคนง่ายเหลือเกิน ซึ่งการได้ โจยอจอง เซ็กซี่สตาร์ตัวแม่ของเกาหลีมารับบทนี้ยิ่งทำให้ภาพตัวละครเมียคนรวยที่ดูดีแต่ไม่ปกติดูเสน่ห์ชวนหลงใหลเอามากๆ ที่สำคัญฉากแฟนเซอร์วิสเรื่องนี้รับรองหนุ่มๆจ้องกันตาเป็นมันแน่ๆ 555
มาดูงานขายฝีมือของ ซงคังโฮ
สำหรับนักแสดงฉายา Awards Prince อย่างซงคังโฮ ดาราคู่บุญผู้กำกับ บงจุนโฮ ที่อาจไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลาแบบโอปป้า แต่เชื่อเลยว่าคุณจะห้ามใจไม่ให้หลงรักเขาได้ยากเหลือเกิน ซงคังโฮ ได้ทำให้บท คิมกีแท็ก กลายเป็นคุณพ่อ 18 มงกุฏที่ดูอบอุ่น จริงใจ และเราเชื่อได้เลยว่าคนอย่างเขาจะปกป้องครอบครัวเสมอและมีหลายฉากหลายตอนเหลือเกินที่เขาทำเราจุกอก ตั้งแต่ฉากพับกล่องพิซซ่าท่ามกลางควันไล่แมลง ฉากทานข้าวครอบครัวที่เขาเรียกสมาชิกให้ชนแก้วเพื่อขอบคุณเรื่องดีๆในชีวิตแม้กับข้าวจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม ไปจนถึงฉาก “เจ้านายเหม็นกลิ่นคนจน” ที่เชื่อได้เลยว่ายากมากที่เราจะไม่รู้สึกตามทั้งสายตาและร่างกายที่สื่อสารแบบไร้คำพูดแต่กลับส่งผลกระทบต่อคนดูแบบมหาศาลคือเครื่องการันตีเลยว่าทำไมเสียงชื่นชมส่วนใหญ่ถึงเทให้ ซงคังโฮ อย่างไร้ข้อกังขา

ได้รู้สึกฟินเหมือนขึ้นรถไฟเหาะของ บงจุนโฮ อีกรอบเลย

หนังของ บงจุนโฮ ผู้กำกับที่ฉลาดเล่นกับแนวหนังที่สุดคนหนึ่งในเกาหลี มักเล่นกับความคาดหวังของผู้ชมต่อหนังประเภทต่างๆเสมอทั้งแนวสืบสวนอย่าง Memories of Murder(2003) และ Mother (2009) หรือหนังแฟนตาซีอย่าง The Host (2006) Snowpiercer (2014) หรือ Okja(2017) โดยจุดร่วมที่แฟนหนังของเขาทราบดีคือกลวิธีเล่าเรื่องอันซับซ้อนเดาทางไม่ถูก ซึ่งไม่ได้หมายความว่าหนังจะดูยาก ชวนปวดหัวนะครับ ตรงกันข้ามหนังของเขามักเล่าด้วยอารมณ์ขัน แต่สอดแทรกฉากสุดระทึกและที่สำคัญคือประเด็นความเหลื่อมล้ำในสังคมลงไปเสมอ และกับ Parasite ที่ตั้งแต่ชื่อเรื่องยันภารกิจหลักของตัวละครในครอบครัวคิมคือการเข้าไปเป็น ปรสิต ในบ้านคนรวยก็เอื้อเหลือเกินให้หนังสามารถพูดเรื่องชนชั้นได้แบบตรงๆโต้งๆ แต่หาไม่ Parasite กลับเต็มไปด้วยการกำกับอารมณ์ จังหวะ ที่แม่นยำ ตั้งแต่การเป็นหนังต้มตุ๋นโชว์เท่ในช่วงแรกก่อนจะขยับไปสู่ความเป็นทริลเลอร์ผสมสยองขวัญได้อย่างหน้าตาเฉย ดังนั้นคนดูจึงเหมือนถูกมัดติดกับเก้าอี้บนรถไฟเหาะที่เราทำได้เพียงแค่ติดตามชีวิตพลิกผันของตัวละครไปจนสุดราง และรับความสนุกปนหน้าชาจากหนังให้เต็มที่เท่านั้นเอง
เป็นยังไงกันบ้างกับเหตุผล 6 ข้อที่เรายกมารีวิวให้เห็นกัน ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า Parasite คือหนังที่เพียบพร้อมทั้งความบันเทิง,คุณภาพ และคุณค่าในตัวมันเอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังจะได้รับการต้อนรับจากคอหนังชาวไทย เพราะหากพลาดไปเราเสียดายแทนจริงๆ
ชนชั้นปรสิต เมื่อเห็นชื่อเรื่องครั้งแรกคุณอาจจะคิดว่าเป็นหนังเอเลี่ยนต่างโลก  แต่คำว่าปรสิตในเรื่องนี้หมายถึงครอบครัวคิมที่เปรียบเหมือนกับปรสิตที่แฝงเข้ามาในบ้านตระกูลปาร์คทีละคนแล้วเอาความจนของตัวเองมาอ้างในการกระทำแบบผิด ๆ ทั้งที่บ้านตระกูลปาร์คถึงแม้จะมีฐานะร่ำรวยแต่ก็เป็นเหมือนกับครอบครัวธรรมดาที่ทำมาหากินเหมือนกันแต่กลับพลอยโดนหางเลขไปด้วย
เมื่อดูจบแล้วเชื่อว่าหลาย ๆ คนจะไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดออกมาได้เลย เพราะความรู้สึกตีกันอยู่ในหัวมากมาย จุกเกือบทุกซีน ให้ความรู้สึกเหมือนกับดูหนังฆาตรกรรม ที่มีการหักมุมแล้วหักมุมอีก ดูแล้วรู้สึกหดหู่และอัดอัดมาก ในความเหลี่ยมล้ำระหว่างคนรวยที่สุดกับคนจนที่สุดนี้
เนื้อหาต่อจากนี้มีการสปอยบางส่วน
ดังเช่น ฉาก ในคืนฝนตกที่ครอบครัวคิมแอบเข้าไปในบ้านตระกูลปาร์คและทำข้าวของในบ้านเละเทะไปหมด แต่ไม่นานครอบครัวปาร์คก็กลับมา ครอบครัวคิมกลัวโดนจับได้จึงได้แอบเข้าไปนอนอยู่ใต้โซฟาของห้องนั่งเล่น จากนั้นคุณชายปาร์คและภรรยาก็ได้มานั่งบนโซฟานี้จนกระทั่งมีอะไรกัน ในขณะที่พวกเขานอนแอบอยู่ใต้โซฟา
ฉากที่คุณชายปาร์คคุยกับภรรยาและบอกว่า คิมกีแท็ก มีกลิ่นสาป ซึ่งกลิ่นสาปของเขาเกิดจากบ้านที่สกปรกเพราะอาศัยอยู่ในพื้นที่ใต้ถุนตึก ที่ผู้คนนำขยะมาทิ้ง ถึงเขาจะซักผ้าหรือใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมแค่ไหนหรืออาบน้ำยังไงกลิ่นนี้ก็ยังจะติดตัวเขาอยู่ หรือ อีกความหมายหนึ่งคือกลิ่นสาปคนจนนั่นเอง
และฉากในคืนที่ฝนตกเรียกว่าเป็น The Best ที่สุดของเรื่องที่ทำให้มองเห็นภาพชัดที่สุดในคำนิยามว่า “ความเหลื่อมล้ำ”
สามฉากนี้ทำให้ผู้เขียนถึงกับตับหายไปข้างเลยทีเดียว แค่ฟังยังจุกแทน และอยากจะปรบมือคนที่แสดงในบท คิมกีแท็ก มากเพราะการแสดงของเขาสามารถส่งผ่านความรู้สึกของตัวละครผู้เป็นพ่อที่ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เหมือนกับเรามีส่วนร่วมอยู่ในเรื่องนี้ด้วย
ชนชั้นปรสิต ข้อคิด และจุดเด่นที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องที่เริ่มต้นด้วยความตลกขบขัน ตบเข้าด้วยความระทึก และ ปิดจบด้วยความสะเทือนใจ จากนั้น หักมุมให้คนดูได้คิดตามและเข้าใจอย่างง่ายดายในประเด็นที่จะสื่อ ผ่านการเล่าเรื่องที่ดูเหมือนกับหนังฆาตรกรรมสยองขวัญ ชวนขนลุก กับการเล่นประเด็นชนชั้นและความเหลื่อมล้ำทางสังคมในมุมใหม่ให้คนดูได้มองไปถึงรากลึก เหมือนกับเป็นเหรียญสองด้าน ระหว่างคนจนกับคนรวย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *