รีวิว Black Widow

รีวิวหนัง Black Widow นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ค วิโดว์ กับ ภารกิจลับที่หายไประหว่างช่วงเวลาของหนัง ‘Civil War’ และ ‘Infinity War’ เพื่อสะสางปมอดีตที่บูดาเปสและการฝึกในเรดรูมก่อนที่จะเข้าร่วมทีมอเวนเจอร์ส พร้อมกับต้องเผชิญหน้าเพื่อนและครอบครัวเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยฝึก KGB เพื่อการเป็นสายลับและนักฆ่า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ถูกเล่าถึงเป็นครั้งแรกในจักรวาลหนังมาร์เวลด้วย

รีวิว Black Widow

ตามจริงแล้วตัวหนังนับว่ามีข้อจำกัดที่น่าเห็นใจอยู่แล้ว ซึ่งอันนี้เห็นได้ตั้งแต่ก่อนชม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตัวละคร แบล็กวิโดว์ นั้นได้มีบทสรุปสุดท้ายไปแล้วจริง ๆ ใน ‘Avengers: Endgame’ (2019) ซึ่งทำให้การหาเรื่องมาสร้างหนังเดี่ยวของตนเองที่ฉายภายหลังนั้นทำได้อย่างยากลำบากขึ้นทั้งยังมีเงื่อนไขมากมาย เว็บหนัง

 

ทั้งในแง่ต้องเป็นการอำลาที่ทรงเกียรติน่าจดจำสำหรับแฟน ๆ และสำหรับตัว สการ์เลตต์ โจแฮนสัน (Scarlett Johansson) ที่มีสัญญาแสดงหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย โดยที่มีความผูกพันกับตัวละครนี้และร่วมสร้างความสำเร็จให้หนังจักรวาลมาร์เวลมาร่วม 10 ปี ด้วย นับจากที่เธอปรากฏตัวครั้งแรกใน ‘Iron Man 2’ (2010) และอีกแง่คือด้านธุรกิจที่หนังต้องสานต่อบางอย่างเป็นมรดกการตลาดให้มาร์เวลสร้างรายได้ต่อไป ซึ่งถ้าหากสมดุลไม่ดีก็จะพังทั้ง 2 จุดประสงค์ที่คนทำหนังต้องการ

โดยส่วนตัวมองว่าหนังพยายามกับฟังก์ชันส่งมอบไม้ต่อเสริมธุรกิจจนทำลายความสำคัญของการส่งท้ายตัวละครมากไปนิดหนึ่ง คือถ้าใครมีแบล็กวิโดว์เป็นโอชิหรือเป็นเมน คงต้องแอบน้อยใจนิดหนึ่งจริง ๆ นี่ก็แอบน้อยใจนิด ๆ ในฐานะที่รอคอยให้แบล็กวิโดว์มีหนังเดี่ยวอย่างเรื่องนี้มานาน

รีวิว Black Widow

หนังเลือกไปเล่าเรื่องในช่วงเวลาที่เป็นช่องว่าง คือหลังทีมอเวนเจอร์สแตกจากหนัง ‘Captain America: Civil War’ (2016) และก่อนการบุกของธานอสใน ‘Avengers: Infinity War’ (2018) ซึ่งโรมานอฟได้รับการติดต่อจากครอบครัวสายลับโซเวียตในอดีตที่เธอแทบจะลืมเลือนไปแล้วให้กลับไปช่วยเหลืออีกครั้ง ซึ่งด้วยความที่หนังเว้นช่วงฉายมานานจนการขายหน้าหนังเผยรายละเอียดออกมาเยอะมาก ประกอบกับหนังก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากนัก เราแทบจะเดาเรื่องได้เกือบครึ่งหนึ่งแล้ว

รีวิว Black Widow

ทั้งเรื่องผู้รับสืบต่อบทบาทของสายลับแม่หม้ายดำคนใหม่อย่าง เยเลนา เบโลวา ที่แสดงโดยดาราสาวน่าจับตามองอย่าง ฟลอเรนซ์ พิวจ์ (Florence Pugh) ที่คงจะมีบทบาทต่อไปในทางใดทางหนึ่ง ด้วยอายุนักแสดงที่ยังอยู่ในช่วงที่ไต่ระดับความดัง และ เดวิด ฮาร์เบอร์ (David Harbour) จะมารับบท เรดการ์เดียน ที่เป็นซูเปอร์โซลเยอร์เหมือน สตีฟ โรเจอร์ แต่เป็นของฟากฝั่งโซเวียตแทน เรายังจะได้เห็นความเก๋าของดาราตัวแม่อย่าง ราเชล ไวซ์ (Rachel Weisz) ในฐานะครอบครัวปลอม ๆ ของโรมานอฟในวัยเด็กด้วย เราได้เห็นบางส่วนของฉากการปะทะขนาดใหญ่ และเปิดตัวร้ายอย่าง ทาสก์มาสเตอร์ ซึ่งคุ้นเคยดีสำหรับแฟนเกมและแฟนคอมิกของมาร์เวล

คือเห็นมามากพอสมควร เมื่อไปชมหนังจริง มันเลยเหลือที่ว้าวน้อยลงกว่าที่ควร แต่ก็ใช่ว่าหนังจะไม่สามารถเซอร์ไพรส์เราได้เลย เพราะมันยังซ่อนเนื้อหาหลาย ๆ อย่างที่ทำเอาอึ้งเหมือนกัน แต่ก็สมเหตุสมผลตามเนื้อเรื่องในหนังที่ได้วางมา มันจึงยังคุ้มค่าการซื้อตั๋วไปรับชมในโรงอย่างมาก อย่างน้อยฉากแอ็กชั่นขนาดใหญ่ที่ควรได้ความอลังของโรงหนังเข้าปรนเปรอประสบการณ์รับชมของเรานั้น มันก็ถือว่าคุ้มอยู่ไม่น้อย

ถ้านับเฉพาะฉากแอ็กชั่นใหญ่ที่หนังประเคนมาให้ นับแบบคร่าว ๆ 2 ฉากใหญ่ และฉากสู้ย่อยๆ ที่มันไม่แพ้กันอย่างการปะทะกันครั้งแรกของแบล็กวิโดว์กับทาสก์มาสเตอร์ หรือการสู้กันแบบเน้นสไตล์บู๊อลเวงของแบล็กวิโดว์กับเบโลวา ก็ถือว่าสมศักดิ์ศรีบทส่งท้ายของแบล็กวิโดว์อยู่นะ

และการถ่ายทอดมุมมองของตัวละครหลักที่เป็นสาว ๆ กันค่อนเรื่องนั้น ก็ได้ผู้กำกับหญิงรุ่นใหญ่ที่เข้าใจเรื่องนี้ดีอย่าง เคต ชอร์ตแลนด์ (Cate Shortland) ซึ่งเคยมีผลงานอินดี้ว่าด้วยเรื่องผู้หญิงที่คุ้นตาคอหนังบ้านเราดีอย่าง ‘Somersault’ (2004) มาแล้ว ซึ่งเธอก็เอากลิ่นอายทั้งมู้ดและการถ่ายภาพจากผลงานเก่า ๆ มาใช้ใน ‘Black Widow’ ได้เข้ากันดี โดยไม่ขัดกับความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ขายแอ็กชั่นแต่อย่างใด เว็บดูหนัง

 

รีวิว Black Widow จุดเด่น และ สรุป 

 

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีที่ผิดหวังเลย อย่างแรกคือในเส้นเรื่องหลักมันธรรมดา หักแบบไม่หัก เดาได้เยอะมาก เซอร์ไพรส์ใหญ่ๆ แทบจะเรียกได้ว่ามีไม่ได้อย่างที่หนังมาร์เวลอื่น ๆ เคยหยิบยื่นให้เรา แถมฉากหลังเอนเครดิตยังจำเป็นต้องผ่านตาซีรีส์ทางดิสนีย์พลัสอย่าง ‘The Falcon and the Winter Soldier’ (2021) มาก่อนเสียอีก ไม่งั้นมี เอ๊ะ มึน ๆ ออกจากโรงแน่นอน

และแม้แต่ขนาดปมใหญ่ของเรื่องมันก็หยิบมาจากแค่ บทพูดหนึ่งที่โลกิเคยพูดกับแบล็กวิโดว์ใน ‘Avengers’ ภาคแรก ที่ว่า ‘ลูกสาวของเดรคอฟ, เซาเปาโล, ไฟไหม้โรงพยาบาล’ ที่ว่ากันตามตรงใครจำได้บ้าง มันเลยเหมือนอยู่ดี ๆ ตัวร้ายระดับโลกอย่างเดรคอฟก็มาปรากฏตัวไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยในเรื่องนี้เสียเฉย ๆ คือถ้ามันยิ่งใหญขนาดท้ายเรื่อง อย่างน้อยก็น่าจะมีการปูความสำคัญของเขามากกว่านี้ให้สมบทตัวร้ายประจำตัวของแบล็กวิโดว์เสียหน่อย

หนังยังโชคร้ายซ้ำซ้อนนอกจากในแง่ความคิดสร้างสรรค์ นั่นคือในแง่การตลาดเพราะดันมีกำหนดเข้าฉายในช่วงที่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลกจนโรงหนังต้องหยุดให้บริการกันหมด และพอตัดสินใจลงสตรีมมิ่งก็กลายเป็นดาบสองคมเข้าอีกเพราะต้องเผชิญปัญหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ตามมา ซ้ำหนักเข้าไปอีกในเรื่องปัญหาวุ่นวายในการคิดค่าตอบแทนที่เหมาะสมจนเป็นดราม่าระหว่างโจแฮนสันกับทางดิสนีย์ เรียกว่าบรรยากาศรอบตัวหนังไม่ได้ชวนให้รู้สึกดีในการรับชมเลย

แต่ก็อย่างที่บอก ในฐานะแฟนมันคือสิ่งที่ต้องทำในการไปร่วมอำลาตัวละครนี้ในโรงภาพยนตร์อยู่ดีนะ หรือใครจะรอชมบนดิสนีย์พลัสกลางเดือนนี้ก็คงไม่ว่ากัน แต่ใครอยากอิ่มเต็มอรรถรสทั้งภาพและเสียง ลองให้หนังมาร์เวลเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกที่คุณได้ฉลองการที่โรงหนังกลับมาให้บริการ ก็เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องไม่น้อยล่ะนะ

 

ประเด็นสำคัญของเรื่องคงเป็น เราต้องรู้จักรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ไม่ควรจะหลีกหนีจากปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็มีแต่จะย้ำเตือนถึงความผิดในอดีตและทำให้เราไม่สามารถมูฟออนหรือเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้ เช่นเดียวกับสายสัมพันธ์ของครอบครัวที่สามารถพูดคุยกันแบบจริงจังเพื่อหาทางแก้ปัญหาไปด้วยกันท่ามกลางจิตใจที่เคยแตกสลายและไม่ได้รับการอภัยอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคนในสายเลือดหรือไม่ ครอบครัวก็คือครอบครัว ไม่มีวันจะแตกหักกันได้เพียงแค่เรื่องใหญ่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง การวางแผนไว้อย่างเป็นระเบียบจะช่วยให้ผลลัพธ์นั้นดีเสมอ และการทำอะไรนอกกรอบบางครั้งก็เป็นประโยชน์กับเรา หรือแม้แต่การที่เราต้องกล้าที่จะพูดสิ่งที่คิดออกมาแบบไม่ต้องกลัวว่าใครจะคิดยังไง แต่มันคือการแสดงออกเพื่อให้เรานั้นได้ระบายความรู้สึกที่แท้จริงและเปิดโอกาสให้คนรอบตัวได้โอบรับเราและทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น และสุดท้าย คนที่เป็นฮีโร่มากที่สุด คือคนที่ไม่มีใครเห็นค่ามากที่สุด แต่คน ๆ นั้นจะมีความหมายมากที่สุดในยามที่เขาไม่อยู่แล้ว

ส่วนนักแสดงคงต้องยกให้ สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของแบล็ควิโดว์ให้มีหัวจิตและหัวใจ น่าติดตาม เท่ โดดเด่น และยังมีมุมที่ให้สำรวจครอบครัว และส่งท้ายการแสดงครั้งสุดท้ายในบทบาทของเธอได้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งส่งไม้ต่อให้ ฟลอเรนซ์ พิว นักแสดงหญิงเจ้าบทบาทที่ผ่านบทไหนมาก็ไม่เป็นปัญหา เธอคือตัวละครหลักที่เด่นพอ ๆ กับ นาตาชา มีมุมความเป็นเด็ก ไร้เดียงสา เสียใจและใจสลายซึ่งฉากที่เธอร้องไห้สะกดคนดูได้ดีมากขโมยซีนทุกคนไปเหมือนฉากตลกที่เธอชอบพูดจาแซะไปมาเป็นเสน่ห์ให้เรารักตัวละครนี้ เดวิด ฮาร์เบอร์ จากบทพ่อนายอำเภอ สู้บทลุงอ้วนตุ๊ต๊ะในชุดหนังที่สามารถแยกบุคลิกระหว่างตลกกับจริงจังได้อย่างถูกจังหวะ และช่วยทำให้เรื่องราวนั้นมีความคอเมดี้ แต่ก็ไม่ถอดทิ้งซีนดราม่าที่ทำออกมาได้ฟอร์มดีไม่มีตก ในขณะที่ เรเชล ไวสซ์ ที่บทน่าจะน้อยที่สุดในเรื่องก็ทำหน้าที่ของเธอได้ดี ตีความตัวละครออกมาได้ลึกและชวนน่าสงสัย แต่ในขณะเดียวกันฉากสารภาพความจริงกับตัวละครก็เป็นอะไรที่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมีเธอในเรื่อง ซึ่งเคมีของนักแสดงก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังมีความเติมเต็มทดแทนบทที่ค่อนข้างสูตรสำเร็จ ในส่วนของการถ่ายทำกับเพลงประกอบมันก็ตามมาตรฐานมาร์เวลไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้รู้สึกเท่าไหร่ นอกจากฉากต้นเรื่องที่ทำออกมาได้ดี แต่จากนั้นทั้งเรื่องก็กลายเป็นเฉย ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ทั้งฉากแอ็คชั่นและพล็อต ไปซะได้ น่าเสียดายจริง ๆ เว็บดูหนังฟรี

สรุป Black Widow

Black Widow คงจะเป็นภาพยนตร์มาร์เวลที่ดีตามมาตรฐานและมอบบทบาทสุดท้ายของตัวละครแบล็ควิโดว์ได้ดีที่สุดเท่าที่หนังจะนำเสนอแล้ว เพียงแต่มันมาช้ากว่าเวลาที่ควรไปหน่อย มันจึงไม่มีอะไรตื่นตาหรือแปลกใจอะไรไปกว่า การได้เห็นอดีตของตัวละครนี้ ได้เห็นครอบครัว ได้เห็นความเจ็บปวด ได้เห็นความรัก และได้เห็นความกล้าที่ผู้หญิงคนนึงพึงมี อารมณ์ของเรื่องที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่สม่ำเสมอ ซึ่งนักแสดงก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี และยังทิ้งเชื้อไปยังเรื่องราวอื่น ๆ ได้ในอนาคต หากคุณเป็นคนที่ชอบตัวละครนี้ คุณก็ไม่ควรพลาด ถ้าคุณอยากหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ก็ยังให้คุณได้ แม้มุกจะซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้วมันก็คือหนังมาร์เวล ถ้าตามมาตลอดกว่า 10 ปีก็ควรดูเรื่องนี้เพราะมันก็เป็นกลไกสำคัญในจักรวาลที่ห้ามข้าม และไม่เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูหนังในจักรวาลมาร์เวลมามากพอ คุณอาจจะไม่อินเรื่องนี้เลยก็ได้ เอาเป็นว่าอยู่ในขั้นพอใช้ตามมาตรฐานแต่ต่ำกว่าลงมาหน่อย แต่ก็ยังเป็นหนังดีที่ควรค่าแก่การรับชมสำหรับคนที่เฝ้ารอหนังมาร์เวลมานาน

 

จุดเด่น

  • ฉากแอ็คชั่นที่จัดเต็มไม่มีกัํก โปรดักชั่นจัดเต็ม
  • ตัวละครแบล็ควิโดว์และคนอื่น ๆ มีมิติที่น่าสนใจและมีเสน่ห์
  • การแสดงที่ทรงพลังของทีมนักแสดงหลักทุกคน
  • เนื้อเรื่องมีความเป็นหนังสายลับชวนให้ติดตาม
  • มีจุดหักมุมแบบที่คาดเดาเกือบไม่ได้
  • มีครบทุกรสทั้งดราม่าและตลก

จุดด้อย

  • พล็อตสูตรสำเร็จ ค่อนข้างล้าสมัยไปแล้ว
  • ตัวละครใช้ได้ไม่สมบทบาทที่ปูมาตลอดเรื่อง
  • เนื้อเรื่องถูกนำเสนอออกมาได้แบบตื้นเขินไม่น่าสนใจเหมือนตัวละคร
  • อารมณ์ของเรื่องไม่สม่ำเสมอ ติดตลกเกินไปจนกลบความจริงจัง เว็บหนังฟรี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *