รีวิว Birds of Prey

รีวิวหนัง ฮัลโหลลล ทุกคน สวัสดี เอฟซี และ คนรักหนัง ทุกท่านนน วันนี้กลับมาอยู่กับแอดบี คนเดิมอีกแล้วนะงับ จะรีวิวหนังอะไรดีน้าา อ๋อ เราเคยคุยกันไว้ว่า จะรีวิวหนัง DC ใช่มั้ยแกก ก็คงต้องเรื่องนี้ แล้วล่ะ หลายคนคงบอกว่าอีกแล้วหรอ แต่ถาคนี้บอกเลย มันมากกกกกก ไปดูเถอะ อย่ารอช้า ลุยยยยย!!!
ชีวิตอิสระของ ฮาร์ลีย์ ควินน์ (มาร์โกต์ ร็อบบี) หลังเลิกกับโจ๊กเกอร์ต้องมีอันสั่นคลอนเพราะนอกจากจะถูกตามเช็กบิลจาก โรมัน ไซออนนิส (ยวน แม็กเกรเกอร์)หรือแบล็กแมสก์ ว่าที่เจ้าพ่อก็อตแธมคนใหม่ตามหาเพชรมรดกเลือดสุดล้ำค่า จนทำให้เธอต้องบุกไปเอาตัว แคสแซนดรา เคน (เอลลา เจย์ บาสโก)สาวน้อยนักล้วงกระเป๋าที่ถูกจับกุมอยู่ในสถานีตำรวจ และเมื่อเหตุการณ์ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไรมาพบกันครั้งนี้มีทั้ง เรเน มอนโทยา (โรซี่ เปเรซ) นักสืบสาวใหญ่แห่งก็อตแธมที่ตามสืบคดีโรมันอยู่ , ดินาห์ แลนซ์ (เจอร์นี สมอลเล็ตต์‑เบล)
รีวิว Birds of Prey
คนขับรถและนักร้องในคลับของโรมันที่พยายามช่วยชีวิตแคสแซนดรา โดยเธอมีฉายาว่า แบล็กคานารี เพราะเสียงของเธอคืออาวุธสำคัญ และเฮเลนา เบอร์ติเนลลี (แมรี เอลิซาเบธ วินสเตด)อดีตลูกสาวมาเฟียที่กลับมาก็อตแธมเพื่อล้างแค้นให้ครอบครัวในนาม ฮันเทรส แม้ต่างที่มาแต่ถนนทุกสายของพวกเธอมีเพียงเป้าหมายเดียวคือการกำจัดโรมันหรือแบล็กแมสก์จอมโฉดนั่นเอง

รีวิว Birds of Prey

รีวิว Birds of Prey

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex
นับเป็นการวางเดิมพันก้อนใหญ่อีกครั้งก็ว่าได้ของ วอร์นเนอร์ บราเธอร์ ที่กล้าเอาผู้กำกับหญิงชาวจีนที่เพิ่งผ่านหนังใหญ่มาเพียงเรื่องเดียวอย่าง เคธี ยาน ที่เคยมีงานดรามา คอมเมดี้ สะท้อนการเมืองอย่าง Dead Pigs เป็นเครคิตกำกับหนังยาวเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น แต่กลับแสดงวิสัยทัศน์ให้ตัวละครหญิงในโลกดีซีได้มาเจอกันภายใต้สถานการณ์
รีวิว Birds of Prey
หน้าสิ่วหน้าขวานได้ดีกว่า Suicide Squad เสียอีก และที่สำคัญคือทั้งผู้กำกับและวอร์นเนอร์เองก็ดูจะมั่นใจในเรต R มากขึ้นหลัง Joker ประสบความสำเร็จชนิดถล่มทลายทั้งรายได้และเวทีรางวัล ดังนั้นการผจญภัยคราวนี้ของ ฮาร์ลีย์ ควินน์ และผองเพื่อนจึงเต็มไปด้วยความรุนแรง คำพูดหยาบคาย มุกตลกที่เล่นเรื่องเพศ ช่วยขับเน้นชีวิตภายใต้อิทธิพลมืดในเมืองโสมมอย่างก็อตแธมด้วยน้ำเสียงเฟมินิสต์สุดข้นคลั่กทว่ากลมกล่อมไปกับการเป็นหนังแอ็กชันจากคอมิกได้อย่างกลมกล่อมทีเดียว
ส่วนหนึ่งในความดีความชอบของหนังคงต้องยกให้บทของ คริสตีนา ฮอดสัน ที่เคยเขียน Bumblebee มาบอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของฮาร์ลีย์ ควินน์ เพราะการที่หนังเลือกมีตัวละครเยอะขนาดนี้การจัดการกับข้อมูลที่ต้องบอกเล่ากับคนดูไม่ใช่เรื่องง่าย และการใช้ฮาร์ลีย์ ควินน์ เป็นเหมือนพิธีกรในโชว์ที่พาเราไปรู้จักตัวละครอื่น ๆ ก็ชาญฉลาดไม่น้อย
โดยในขณะที่เหตุการณ์ดำเนินอยู่หนังก็เลือกฟรีซเฟรมหยุดภาพแล้วเอาเสียงบรรยาฮาร์ลีย์ ควินน์ มาบอกเล่าที่มาของแต่ละคน ซึ่งอย่างที่รู้กันดีว่าตัวละครในโลกของดีซี มักมี
ชะตากรรมบัดซบกันแทบทุกคน และแม้ว่าจะติดขัดกับการที่มักมีเส้นเรื่องของหลายตัวละครจนทำให้ไม่มีเส้นเรื่องของใครเด่นขึ้นมาให้เกาะนัก แต่กับของยากอย่างการที่ต้องเอาตัวละครสาวแกร่งมาเจอกันคราวนี้กลับเต็มไปด้วยสีสัน มีทั้งอารมณ์ขัน ฉากบู๊ตื่นตา และดรามาที่ดันไปเข้ากระแส Me Too พอดี

ความรู้สึกส่วนตัวหลังดูจบ 

โดยนอกจากบทหนังแล้วการออกแบบงานสร้างของหนังก็มีจุดน่าสนใจไม่น้อยโดยเฉพาะการใช้สี ม่วง ชมพู เหลือง เขียว ที่แม้จะดูสดใสแค่ไหนแต่กลับแฝงความหมายทั้งความตาย ความไร้เดียงสา สัญญาณเตือน และความเป็นพิษ ซึ่งปรากฎทั้งงานจัดแสงไปจนถึงการเลือกใช้สีในคอสตูมตัวละคร แม้ว่าเอ่อ…ส่วนใหญ่สีพวกนี้จะปรากฎกับตัวละคร ฮาร์ลีย์ ควินน์ แบบแทบจะทุกส่วนของร่างกายแล้วก็ตาม (ฮ่าาาา) และนอกจากการใช้สีมาสื่อความหมายแล้ว อีกจุดที่น่าสนใจมาก ๆ คือการออกแบบงานสร้างที่ดันไป
คล้องกับกระแส Me Too และเฟมินิสต์ในเรื่องอย่างซีนสวนสนุกที่ดันออกแบบ อุโมงค์ ให้เป็นสัญญะของช่องคลอดในฉากที่เหล่าสาว ๆ ถูกผู้ร้ายชายโฉดใส่หน้ากากเตรียมรุมสกรัมพวกเธอ ซึ่งให้ภาพเปรียบเปรยกับการที่ผู้หญิงต้องถูกคุมคามทางเพศโดยเฉพาะการเสี่ยงถูกข่มขืนผ่านงานภาพได้อย่างชาญฉลาด รวมถึงการออกแบบ “มือหมุน” แทนที่จะเป็นม้าหมุนก็แน่นอนล่ะว่าพอฉากนี้เหล่าสาว ๆ ต้องสู้กับผู้ชายก็กลายเป็นสัญญะแทนการคุกคามทางเพศที่พวกเธอต้องต่อกรกับ “มือชาย” ที่ล่วงล้ำอาณาเขตทางเพศได้อย่างสร้างสรรค์ทีเดียว ที่สำคัญฉากแอ็กชันของหนังคือเริ่ดมากเป็นการออกแบบฉากบู๊ให้สาว ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว รุนแรง ที่สำคัญมันสามารถเอาอาวุธจากการ์ตูนอย่างค้อนของฮาร์ลีย์ ควินน์ มาใช้เป็นอาวุธได้อย่างเท่มาก
แม้ว่าหนังจะเน้นโปรโมตแต่ มาร์โกต์ ร็อบบี้ ในบทฮาร์ลีย์ ควินน์ ที่ได้ฐานแฟน ๆ มาจาก Suicide Squad อยู่แล้ว แต่ตัวหนังกลับพาเราไปรู้จักตัวละครใหม่ ๆ ได้อย่างมีสีสันและเราก็พร้อมเอาใจช่วยพวกเธอได้ไม่แพ้กันเลย ซึ่งต้องขอบคุณฝ่ายแคสติ้งที่หานักแสดงที่เหมาะกับบทบาทยิ่งนัก ขอเริ่มจาก แมรี เอลิซาเบธ วินสเตด ในบทฮันเทรสที่แม้จะเคยโผล่มาสร้างสีสันให้ซีรีส์ Arrow มาแล้ว แต่แมรีที่เคยได้แสดงหนังฟอร์มยักษ์แต่ไม่ค่อยได้มีบทบาทเด่นนักก็ทำให้ฮันเทรสน่าจดจำไม่น้อยแม้จะได้มีเวลาบนจอน้อยไปหน่อย
แต่เธอก็ทำให้ตัวละครนี้มีแง่มุมน่ารักเจือไปกับความโหดได้อย่างลงตัว และอีกหนึ่งตัวละครจากซีรีส์ Arrow คือแบล็กคานารีที่คราวนี้ถูกปรับที่มาอีกครั้งและได้นักแสดงสาวผิวสีคนสวยอย่าง เจอร์นี สมอลเล็ตต์‑เบล มาเป็นเมตาฮิวแมนหนึ่งเดียวในกลุ่มได้อย่างดีเยี่ยมยิ่งได้คอสตูมที่เน้นรูปร่างและใช้สีเหลืองเป็นหลักก็ช่วยขับเน้นให้เห็นผิวสีแทนสวย ๆ ของเธอก็ทำให้ทุกครั้งที่เธอปรากฎกายดูมีเสน่ห์มากแถมยังได้โชว์ฉากดรามาในเวลาสั้น ๆ ได้ดีเลยทีเดียว
ส่วนตัวละครที่เซอร์ไพรส์ที่สุดเพราะเห็นตัวอย่างแล้วคิดว่าจะต้องไม่ชอบแน่ ๆ อย่าง แคสแซนดรา เคน ที่ได้ เอลลา เจย์ บาสโก สาวน้อยลูกครึ่งฟิลิปปินส์ เกาหลี มารับบทว่าที่แบตเกิร์ลได้อย่างขัดใจแฟนบอยมาก ๆ แต่ช้าก่อนเพราะเอาเข้าจริงในหนังเราจะได้เห็นน้อง เอลลา ฉายเสน่ห์เปล่งประกายหลายฉากทีเดียวที่สำคัญเป็นคนที่ยิ่งมองยิ่งชวนหลงไม่ต่างจากตอนเจอนุ้ง โคลอี เกรตซ์ มอเรตซ์ ใน Kick Ass เลยล่ะ และหนังเองก็ให้โอกาสเธอได้มีบทบาทมากกว่าเป็นแค่เด็กที่ฮาร์ลีย์ ควินน์ ต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงอีกด้วย
ส่วน โรซี่ เปเรซ ในบทเรเน มอนโทยา ที่หนังให้เป็นตัวแทน LGBTQ (ได้ อาลี หว่องมาเล่นเป็นทนายอดีตคนรักของเธอ)ก็แม้จะดูเป็นตัวละครมีอายุ แต่พอท้ายเรื่องกลับเพิ่มความฮอตให้ป้าแกเฉยเลย เรียกง่าย ๆ ว่างานนี้เหล่านกผู้ล่าทำหน้าที่ได้ดีแบบถูกใจแฟน ๆ แน่นอน ส่วน ยวน แมกเกรเกอร์ ก็ทำให้แบล็กแมสก์ดูโรคจิตและน่าสะพรึงกลัวสมศักดิ์ศรีนักแสดงคุณภาพเช่นเคย
หนังเรื่องนี้ผู้เขียนไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับเนื้อเรื่อง อาจเพราะ Suicide Squad ทำออกมาไดัแย่กว่าที่คิด แต่ Birds of Preyทีมนกนักล่ากับฮาร์ลีย์ ควินน์ผู้เริ่ดเชิด กลับทำออกมาได้ดีกว่าที่คาด ทั้งเนื้อหา เสียงดนตรี การถ่ายถอดหนังแบบ abstract และภาพที่สวยมากๆ ของการใช้สีแสงในฉากแอ็กชัน
หนังเล่าเรื่องถึงฮาร์ลีย์ ควินน์ ที่เพิ่งเลิกกับโจ๊กเกอร์ และถูกคู่อริเก่าในอดีตที่รู้จักเกือบทุกคนตามล่าเอาชีวิต เพราะฮาร์ลีย์ ควินน์ไม่มีโจ๊กเกอร์ไว้คุ้มครองแล้ว กลายเป็นฮาร์ลีย์ ควินน์ถูกจับตัวโดยมาเฟียผู้มีอิทธิพลของเมืองก็อตเธม และได้ทำเพชรที่ใช้ไขรหัสสมบัติทั้งหมดของตระกูลที่ใช้รหัส 30 กว่าตัวที่ฝังในเพชรหายไป และฮาร์ลีย์ ควินน์ตัดสินใจที่จะช่วยแก็งมาเฟียตามหาเพชร เพื่อแลกกับชีวิตตัวเอง
และเรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เมื่อคนที่ขโมยเพชรไป เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่มีอายุ 12 ปี และทุกอย่างกลับยุ่งยากมากขึ้นเมื่อเด็กผู้หญิงเลือกที่จะกลืนเพชรลงไปในท้อง
หนังมีการเล่าเรื่องสไตล์ DC เหมือนอ่านการ์ตูนจริงๆ และภาพในหนังก็สวยมากๆ แต่เนื้อหานั้นกลับดีกว่า ฉากที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจก็มีหลายฉาก เช่น ฉากที่ฮาร์ลีย์ ควินน์ เต้นรำเพื่อลืมโจ๊กเกอร์ ชุด คอสตูม ทรงผม และการแสดงสีหน้าสวยมากๆ ทั้งผมสั้นบลอนด์ดัดยุค 50s และชุดเกาะอกกระโปรงบานสีชมพู ทำให้ผู้เขียนนึกถึงการเต้นรำและการร้องเพลงของเมอริลีน มอนโร เพลง Diamonds are girl’s bestfriend หนังยังมีกลิ่นอายของเพื่อนหญิงพลังหญิงที่ร่วมมือกันกำจัดเหล่าร้ายอีกด้วย จากที่ตอนแรกทะเลาะกันและไม่ถูกกันเอง กลับรวมพลังช่วยเหลือกันจนดูเป็นทีมที่สุดยอดมากๆ
ทั้งตำรวจ สายข่าว และลูกสาวคนเดียวในบ้านเศรษฐีที่รอดชีวืตและถูกนักฆ่าเก็บไปเลี้ยง หนังไม่ได้มีดีแค่ภาพสวยแอ็กชันดีอย่างเดียว แต่ยังมีธีมเพลง การดำเนินเนื้อเรื่อง และพัฒนาการของตัวละครฮาร์ลีย์ ควินน์ ในการพยายาม สลัดโจ๊กเกอร์ออกไปจากชีวิตอีกด้วย
และหลังดูหนังจบ เรายังต้องไปหาทาโก้ชีสพอละลายในปากมาชิมตามฮาร์ลีย์ ควินน์ที่มองว่าทาโก้ใส้เบค่อนใส่ไข่ชีสไม่สุกเกินไปคืออาหารเช้าแห่งการเริ่มต้นวันใหม่เลย
ตัวละครที่ผู้เขียนชอบที่สุดในเรื่องคือ คาสแซนดร้า เคน เด็กสาวที่ขโมยเพชรไปกลืนลงท้องและถูกตามล่านั้นแหละ เป็นตัวขโมยซีนเลย ครั้งแรกที่ตัวละครตัวนี้ออก ผู้เขียนก็จับตามองแล้ว เพราะเป็นตัวละครที่น่าสนใจมากๆ และดูก็รู้เลยว่าจะต้องมีบทบาทสำคัญๆในอนาคต ในภาคต่อของฮาร์ลีย์ ควินน์
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหนังเรื่องนี้คือตัวฮาร์ลีย์ ควินน์เอง ซึ่งเรื่องราวในภาคนี้เหมือนกับสมุดไดอารี่ที่บอกเล่าเรื่องราวในชีวิิตของฮาร์ลีย์ ควินน์ หลังจากไม่มีโจ๊กเกอร์ และต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อลืมโจ๊กเกอร์ ทั้งการเอาสุนัขพันธ์ไฮยีน่ามาเลี้ยง การระเบิดโรงงานสารเคมีที่ๆเธอเจอเขาเป็นครั้งแรก การกินทาโก้เป็นมื้ออาหารเช้า รวมไปถึงการหนีการตามล่าของคู่อริและศัตรูของเขาในอดีตอีก
ซึ่งบอกเลยว่ามาร์โก้ ร็อบบี คุมทุกอย่างในหนังได้อยู่จริงๆในบทบาทฮาร์ลีย์ ควินน์ ทั้งสีหน้า รอยยิ้ม สายตา และฉากบู๊แอ็กชันที่มีทั้งความกวนและความบ้าในการใช้ความยืดหยุ่นของร่างกายในการกำจัดเหล่าร้ายแห่งเมืองก็อตแธม บอกตรงๆว่าหนังสนุกมากๆ มากชนิดคนที่ผิดหวังกับบทฮาร์ลีย์ ควินน์จากภาค suicide squad ต้องหันกลับมามองฮาร์ลีย์ ควินน์ใหม่เลยในภาคนี้
คะแนนรีวิว 10/10 ไปโลดดด
ดูหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังใหม่
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ facebook 
ดูหนังชัด4Kได้ที่ ดูหนังชัด4K

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *