รีวิว The Roundup
รีวิวหนังฮิต เป็นหนังแอ็คชั่นเกาหลีอีกเรื่องของปีนี้ที่น่าสนใจมาก ๆ คือเรื่อง “The Roundup” ซึ่งสามารถทำรายได้เป็นอันดับ 1 ในเกาหลีใต้มาหลายสัปดาห์ สำหรับใครที่ยังไม่ทราบนั้น The Roundup เป็นหนังภาคต่อของ The Outlaws (2017) ซึ่งภาคแรกก็ถือว่าทำออกมาสนุกใช้ได้เลย อาจไม่ได้ชวนประทับใจมากนักเท่าไรสำหรับเรา มาในภาค
นี้ก็เหมือนเป็นการแก้จุดบุกพร่องจากภาคก่อนในหลายอย่าง ทำให้หนังภาคนี้ออกมาสนุกเพลิดเพลินกว่าภาคก่อนมาก แม้ไม่เคยดูภาคแรก ก็สามารถยังคงสนุกกับภาคนี้ได้ เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวพันกับภาคก่อนแต่อย่างใด
Poster 1ส่วนตัวค่อนข้างประทับภาคนี้มากนี้มาก หนังทำออกมาได้มีเสน่ห์มากขึ้นและสนุกมากขึ้น ทั้งในความเป็นหนังแอ็คชั่นที่ทั้งใส่เสน่ห์ความเป็นหนังคู่หูในครึ่งแรกได้ออกมาได้กลมกล่อมลงตัว มีความตลกโปกฮา เคมีตัวละครก็ทำออกมาเข้าขันลื่นไหล ส่วนครึ่งหลังก็พลิกกลับเป็นหนังไล่ล่าโจรที่ทั้งชวนระทึกและเดือดดาล ซึ่งก็ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศของหนังสืบสวนที่พาสืบเรื่องราวของเหตุฆ่านองเลือด และนำไปสู่แอ็คชั่นช่วงท้ายได้มันส์สะใจ
ภาคนี้ถือว่าแก้เกมส์ได้ดีมากที่เรารู้สึกเอ็นจอยกว่าภาคก่อน ทั้งเรื่องราวที่น่าสนใจและขยับขยายให้ใหญ่โตขึ้น อย่างการสืบสวนที่มีซีนที่จะต้องไปในต่างประเทศ ซึ่งเหมือนเป็นการขยายเหมือนในหนังได้เล่าและได้นำตัวละครไปถึงในพื้นที่ที่ใหญ่โตและอุปสรรคที่น่าสนุกกว่า ส่วนซีนแอ็คชั่นที่สนุกเดือดดาลกว่าและทำออกมาได้สะใจมาก เข้มข้นถึงอารมณ์ในทุกซีน ส่วนที่ชอบมากคือการแทรกอารมณ์ขันให้กับหนังตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งสามารถสร้างสีสันให้กับหนังได้อย่างดี จังหวะตลก ๆ ของหนังก็จี้จุดให้เข้ากับสถานการณ์ได้ชวนขำตัวโยน เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
รีวิว The Roundup
แต่ที่น่าสนใจพอสมควรในครึ่งแรกคือหนังสะท้อนไปถึงการทำงานของตำรวจที่ล่าช้า ช่องโหว่ของกฎหมายระหว่างประเทศที่ทำให้สังคมมันเน่าเฟะและผู้คนและผู้คุมก็แทบจะไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย ซึ่งก็สามารถสะท้อนได้เข้มข้นและตลกร้ายดี แต่ใด ๆ แล้ว ส่วนที่เราประทับใจที่สุดคือ มาดงซอก หรือ ดอน ลี นักแสดงที่เป็นตัวเอกของหนังในบทตำรวจหมัดหนักที่ยังคงซัดหมัดได้สะใจ บู๊ซีนแอ็คชั่นได้สมน้ำสมเนื้อ อีกทั้งตัวร้ายหลักของหนังที่รับบทโดย ซนซอกกู ก็ทำให้หนังออกมาพลุ่งพล่านเดือดดาลอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ทำให้หนังออกมาสนุกอย่างมาก
สำหรับเราก็ให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 7.5 เต็ม 10 ถือเป็นหนังเกาหลีที่สนุกเกินคาดของปีนี้ แม้เรื่องจะไม่ได้ชวนว้าวและแปลกใหม่นัก แต่หนังก็กำกับได้สนุกอยู่หมัด เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวที่น่าติดตามและประเด็นอันตลกร้ายที่สอดแทรกเล็ก ๆ และซีนแอ็คชั่นที่เดือดดาลและสนุกมันส์อย่างเต็มอิ่ม
หรือ The Outlaws 2 เป็นภาพยนตร์ภาคสองของเรื่อง The Outlaws (2017) จึงเกิดคำถามตั้งต้นจากหลาย ๆ คนว่าต้องดูภาคแรกก่อนไหม? ก็อยากบอกว่าไม่เป็น A Must แต่เป็น Nice to Have มากกว่า เพราะตัวละครฟากพระเอกหรือตำรวจ ยกทีมเดิมมาทั้งชุด การได้เห็นคาแรคเตอร์หรือภูมิหลังย่อมทำให้เราอินเข้าถึงได้ดีกว่า รวมถึงมีบางตัวละครประกอบเข้ามาแจมด้วย และที่สำคัญ มีการเชื่อมโยงมุกตลกมาใช้อยู่พอควร บางมุกอาจขำไม่ถูกถ้าไม่รู้ที่มาที่ไป แต่ในแง่ของเนื้อหา จัดว่าเป็นอีกเรื่องราว เป็นอีกคดีที่แยกจากกันชัดเจน ดังนั้น ถ้าดูลำพัง The Roundup ก็สนุกได้ในตัวแน่นอน แต่อยากเชียร์ให้ดูทั้ง The Outlaws และ The Roundup จะได้สนุกมันส์ทะลุปล้องเกลี้ยง ๆ ไปเลย
ผู้เขียนจะขอท้าวความสั้น ๆ ของ The Outlaws ไว้สักหน่อยเพื่อการรีวิวพาดพิงที่ไม่สะดุด เรื่องราวของตำรวจและนักเลงหลายก๊กหลายแก๊งในแขวงการีบง ซึ่งเป็นย่านไชน่าทาวน์ของโซล ความเป็นดงเถื่อนแดนแก๊งสเตอร์ ตำรวจที่คุมถิ่นจึงต้องเป็นสไตล์นักเลงก้ามโตแบบ มาดงซอก เข้าสูตรปกครองนักเลงด้วยตำรวจที่นักเลงกว่า หมัดหนักกว่า เถื่อนคุมเถื่อน ถ้าอยู่ร่วมกันกันแบบไม่แตกแถว ไม่ล้ำเส้นกัน ไม่ชั่วจนเกินไป ทุกคนก็สามารถทำมาหากินกันได้อย่างสันติ แต่ดันมีมาเฟียต่างถิ่นจาก หยันเปียน เข้ามาทวงหนี้และก่ออาชญากรรมโหดเหี้ยม นั่นคือ จางเฉินแห่งฮาร์บิน ซึ่งรับบทโดย ยุนคเยซัง คุณตำรวจตัวพ่อจึงต้องจัดเถื่อนเต็มขั้นให้ซะอยู่หมัด เอกลักษณ์ของแอ็คชั่นเรื่องนี้คือ อาชญากรใช้อาวุธมีดสั้นจ้วงแทงประชิดตัว และขวานสับฉับขาดอย่างไร้ความปราณี
มาถึง The Roundup กันบ้าง ผู้เขียนขอยืนยันเลยว่า คงเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ภาคสองไม่ด้อยกว่าภาคหนึ่งเลย การผสมทั้งสูตรสำเร็จเดิมบ้าง และการขยายมุมแตกประเด็นใหม่บ้าง ความเดิม ๆ ที่ยังดูได้สนุกก็อย่างเช่น ซีนเปิดตัว มาดงซอก ในมู้ดฮีโร่จัดการคดีพื้น ๆ ในชุมชน รู้ ๆ อยู่แต่ก็มิวายอมยิ้มต้อนรับ หรือการเก็บเกี่ยวมุกฮาจากภาคแรกมาล้อเลียนใช้ซ้ำได้อย่างฉลาด ไม่ว่าจะเป็นท่าลงโทษบีบเป้า ความหวังของนัดบอด หรือคาแรคเตอร์ของสารวัตร ผู้กำกับ ก็ยังเรียกเสียงฮาได้อยู่ หนังฟรี หนังใหม่
The Roundup เพิ่มเติม
เพิ่มเติมความใหม่ของภาคนี้คือ การเปลี่ยนคดีที่ได้ภาพใหญ่ขึ้น มี Mobility ข้ามประเทศ มีความโหดจิตรุนแรงขึ้น เสิร์ฟพร้อมกับฉากแอ็คชั่นที่ดูบันเทิงขึ้น
ปฐมบทด้วยการกล่าวถึงอาชญากรเกาหลี ที่หนีเล็ดรอดกฎหมายไปซ่อนตัวเป็นมิจฉาชีพต่างแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในหลายประเทศ เรียกว่าก่อคดีรังควานนักท่องเที่ยวเกาหลี จนมีคนร้ายคนหนึ่งขอเข้ามอบตัวที่กงสุลเกาหลีในเวียดนาม มาซอกโด (รับบทโดย มาดงซอก) และ หัวหน้าจอนอิลมัน (รับบทโดย ชเวกวีฮวา) จึงเดินทางไป
รับตัวคนร้ายซึ่งเคยอยู่ในการีบง แต่กลายเป็นว่าคดีโยงใยไปถึงการฆาตกรรมที่ก่อคดีต่อเนื่องอย่างทารุณโหดร้ายโดย คังแฮซัง (รับบทโดย ซนซอกกู) ซึ่งคดีร้ายแรงล่าสุดคือ หลอกล่อลักพาตัว ได้เงินแล้วฆ่าทิ้ง ของลูกชายของนักธุรกิจสินเชื่อรายใหญ่ในเกาหลี ก็เรียกได้ว่าเป็นนักธุรกิจในแวดวงมาเฟีย จึงไม่ยอมง่าย ๆ จ้างวานมืออาชีพส่งไปล้างแค้น การตอบโต้ไปมาจึงเกิดให้ลุ้นตามว่าใครจะโดนใครเช็คบิลกันแน่
แต่ที่แน่ ๆ คือ มาซอกโด ไม่ยอมปล่อยวายร้ายลอยนวลแน่นอน ไม่ว่าจะตอนยังอยู่เวียดนาม ซึ่งไม่ได้มีกฎหมายรองรับให้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ แต่ก็ยังดื้อแพ่งไปตะลุมบอนซะเละ ยิ่งเมื่อเป้าหมายได้ย้ายกลับมาเกาหลีแล้วด้วย เข้าทางสะดวกให้พี่ตำรวจก้ามโตตัวพ่อของเราได้จัดเต็มอีกครั้ง ลุยถึงที่สุดอย่างมันส์แน่นอน
ดีกรีความร้ายกาจของคู่ต่อสู้ภาคนี้ ก็ต้องบอกว่า คังแฮซัง เก่งแกร่งและอำมหิตอัปเลเวลกว่า จางเฉิน เพราะจางเฉินคือมาทวงเงิน ทวงไม่ได้ก็ทำร้ายลงโทษ แต่คังแฮซังคืออยากได้เงินของคนอื่น หลอกเอาเงินได้แล้วก็ยังฆ่าโหดเหี้ยมหน้าตาเฉย อาวุธที่ใช้หลักยังคงเป็นมีด คงเพราะเลือดสาดสยองดี แม้จะไม่ได้เห็นสภาพเหยื่อแบบจะ ๆ แต่ท่าจ้วงฉึก ๆ ฟันฉับ ๆ ก็ส่งให้คนดูจินตนาการต่อเองได้อย่างขนลุก แต่ไม่แค่นั้นนะ เที่ยวนี้ขยับจากมีดพกมีดสั้น อัปเลเวลเป็นมีดพร้าแบบมีดแรมโบ้ ภาพสยองขึ้นหัวตามมาเลย ภายนอกคังแฮซังอาจดูมาดนิ่ง แต่ความขี้หงุดหงิดที่ขึ้นไวจบไวด้วยการฆ่า ๆ ทิ้งไปเลยก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน
ความแรงของฝ่ายตำรวจก็จัดมาให้พอฟัดพอเหวี่ยง มาซอกโด ภาคนี้ไม่แค่มือหนักตบแรงฟาดแรงซะแล้ว แต่ต่อยด้วยหมัดระเบิดเว่อร์หน่อย ๆ นึกภาพแบบ The Hulk จอมพลัง ก็คือเปรี้ยงเดียว กระเด็นและพังราบคาบ
อีกทั้งภาคนี้ยังออกแบบมาให้คนดูได้อินมากขึ้น ด้วยการย้ำเน้นอารมณ์ ‘ใกล้ตัว’ จากการออกแบบเลือก และใช้โลเคชั่นหลักสำหรับฉากบู๊หลายแห่งเป็นสถานที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือบนรถเมล์ ทำให้ได้ความตื่นเต้นไปอีกแบบ แนวตลาด Blockbuster มากขึ้น ไม่ Lowkey อึมครึมแบบสถานอบายบุข คลับ บาร์ ร้านมอซอเหมือนใน The Outlaws ที่จะให้ความรู้สึกฮาร์ดคอร์กว่า
ความโดดเด่นของ The Roundup ที่นอกจากจะมี มาดงซอก เป็นแม่เหล็กชัวร์ ๆ แล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ซนซอกกู ทำหน้าที่ของวายร้ายได้ดีเยี่ยมจริง ๆ ทั้งโหด น่ากลัว และมีเสน่ห์ในตัว ชวนจับตามอง ทั้งท่าทีและสีหน้าก็สื่ออารมณ์ได้ดีมาก และยังอุตส่าห์ลงทุนเพิ่มน้ำหนักและฟิตหุ่นล่ำ ๆ ผิวเข้มเท่ ๆ พลอยได้คะแนนจากสายรักแบดบอยไปด้วยเลย
สำหรับทีมนักแสดงก็ยังคงเรียกได้ว่าคับคั่ง ผลัดกันหนุนความสนุก เสริมความกลมกล่อม อาทิเช่น พัคจีฮวาน ฮอดงวอน ฮาจุน ยุนบยองฮี เพิ่มเติมใหม่ด้วย อึมมุนซอก นัมมุนชอล และ พัคจียอง
โดยสรุป พูดได้เต็มปากว่า The Roundup ให้ความบันเทิงแบบโลด ๆ ตลอดสองชั่วโมง ไม่มีตก ไม่มีอืดเลย สนุกทั้งฉากบู๊ ฉากฮา สลับไปมาอย่างพอเหมาะพอเจาะ รวมถึงการหักมุมเซอร์ไพรซ์ สนุกจนทำให้เรามองข้ามอะไร ๆ ที่ไม่ค่อยเมคเซนส์ไปได้โดยไม่รู้ตัว พิสูจน์ความเป็นหนังดีที่ไม่ควรพลาดด้วยยอดผู้ชมที่เกาหลีทะลุ 10 ล้านคนไปแล้วอย่างฉับไว งานบันเทิงแถวหน้าของเกาหลีที่มาเสิร์ฟถึงโรงหนังบ้านเรา ไม่ชมคือพลาดอย่างน่าเสียดาย หนัง Genre นี้ ดูที่โรงคือสนุกสะใจเลย ดูจบแล้วหลายคนอยากตั้งตารอภาค 3 ต่ออย่างแน่นอน
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ แอดบี ได้ที่ ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์